...นัยว่า พระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคค ล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธ ศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนครเป ็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้าร ัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเ จ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราชทอดพระเนตรเ ห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้ าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเส ริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่งใดหนอซึ่งม ีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆ จะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อ มไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถ วาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำต ีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรู ปพระพุทธเจ้าลงไปในแผ่นทองค ำด้วยชาตหรคุณ มีขนาดองค์ประมาณ ๑ ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพ ุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื ่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป
พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายน มัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพร ะผู้มีพระภาคเจ้าว่า...
"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่ง สอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเ ทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่ อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธ รรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อน ใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนคร นั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหา ริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชใ ห้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด "
อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำ ประมาณพระศอ (พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือท่าน จึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้น ไปยังเมืองปัญจาลนคร
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทร มีสีต่างๆ ก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอ ยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชาพระพ ุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว ๗ ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชน ะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้นเห นือพื้นน้ำ พญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบร ิษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสัก การบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาล นครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าป ัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเคร ื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนา รับสั่งให้ชาวเมืองประโคมแต รสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพร ะศอทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรู ปแล้ว ทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธม ามกะ
แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพ ระเจ้าปัญจาลราช และ ด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้า มหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบ นอากาศเปล่งรัศมี ๖ ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโล ก กลบแสงแห่งอาทิตย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลก ธาตุ ณ กาลนั้นในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้ อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์พระเจ ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เ ช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำ พระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระ มนเทียรแล้วบูชาด้วยประทีปธ ูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก
ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่ างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่ นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศ าลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากั นมาปิดทองพระพุทธรูป
ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็ นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล ่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายต ัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพ ระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็น ค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขาย ในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไ ปซื้อทองปิดพระพุทธรูป
เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชไ ด้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแ สดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสาม ารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึง ประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเช ือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก ็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่า ปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเ ป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากรณ์ "ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพ ชญ์ในอนาคต" แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมา น พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเม ือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพ ธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัต ว์เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสั ตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุ สิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร
-------------------------- ------------------------
... ฯลฯ ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็ ญใจ ต้นตระกูลนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเมณฑกเศรษฐี นี้ ท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของน างวิสาขา ในชาติก่อนโน้นท่านเป็นคนยา กจนเข็ญใจมาก เรียกว่าเป็นคนแก่ ๒ คน ไม่มีลูก ลูกหญิงไม่มี ลูกชายไม่มี แล้วก็หาเช้ากินค่ำ หรือว่าหาค่ำกินเช้าไม่ได้เ กิดพร้อมท่าน ไม่รู้ ใช่ไหม…เป็นอันว่า หากันไม่ค่อยจะพอกิน บ้านอยู่ใกล้วัด ไม่มีโอกาสจะทำบุญ ถึงแม้วันพระที่เขาตั้งใจทำ บุญกัน เวลาจะทำบุญก็ไม่มี ถ้าขืนมาทำบุญไม่ได้ทำงานก็ ไม่มีกิน มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาน่ะ มีอยู่ แต่ทรัพย์ไม่มีมาคราวหนึ่งป รากฏว่า ที่วัดเขาสร้างส้วม เมื่อเขาสร้างส้วมเสร็จ แล้วเขาก็ขุดหลุมส้วมเสร็จ ตอนกลางคืนสองคนตายายก็คิดใ นใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเรา มันจนแสนจน ไม่มีเงินจะทำบุญ ไม่มีข้าวจะใส่บาตร เวลานี้เขาสร้างส้วมเสร็จ เรามีทองคำอยู่ชิ้นหนึ่งเท่ าปีกริ้น นั่นก็คือ "ทองคำเปลว" เราเอาไปบูชาพระรัตนตรัยดีก ว่า ฉะนั้นเวลากลางคืนมันว่างงา น สองคนตายายย่องเอาทองคำมาปู ตรงที่ก้นหลุมส้วม ตั้งใจบูชาพระรัตนตรัย ฟังแล้วก็จำไว้ให้ดีนะ นี่สำคัญมากหลังจากนั้นสองค นตายายก็นั่งคิดนอนคิดถึง บุญที่ทำแล้ว ก่อนจะหลับก็ดีใจว่าชาตินี้ เราได้ทำบุญด้วยทองคำ ตื่นขึ้นมาก็ดีใจว่าเราได้ท ำบุญด้วยทองคำ ปลื้มใจทุกวัน จนกว่าจะถึงวันตาย
เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัย อานิสงส์ที่ถวายทองคำเท่า ปีกริ้นหรือทองคำเปลว ไปบูชาพระรัตนตรัยไว้ที่ก้น หลุม ทั้งสองก็ไปเกิดเป็นเทวดาแล ะนางฟ้าด้วยอานิสงส์อย่างยิ ่ง ที่บูชาพระรัตนตรัยด้วยทองค ำ ก็เป็นเหตุให้มาเกิดเป็นลูก ของมหาเศรษฐี..ฯลฯ
-------------------------- ---------
วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป ตอนตีสองท่านตื่นขึ้นมา จะประคองท่านเข้าห้องน้ำ ท่านก็บอกว่า วันนี้ไม่ได้นอนเลย พระพุทธเจ้ามาบอกให้เข้านิโ รธสมาบัติตั้งแต่ค่ำ ต่อไปจะสร้างปราสาททองคำไว้ เก็บพระพุทธเจ้านะ ก็ถามว่า หลวงพ่อสร้างไว้ตรงไหนครับ "โรงอิฐ"
ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก ๒ เที่ยว ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องนี้ เราก็นึกเอ..ท่านจะสร้างจริ งหรือเปล่าหนอ ปราสาทนี่คงจะแพงนะ ก้เลยมาเล่าให้พระสุจริตฟัง พระสุจริตก็บอกว่าจริง ท่านเคยมาตรวจงานแล้วก็ชี้ไ ปที่ "โรงอิฐ" บอกว่า จะสร้างที่เก็บพระพุทธรูป
ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย ก็ขอเก็บไว้ก่อน เอาไว้ท้ายๆ ถึงจะทำ พูดไปก็จะทำให้คนแบกภาระไปด ้วย
อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเ หมือนกัน
"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี
หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจ นเข็ญใจ"
ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน เกิดมาชาติหนึ่งมีความร่ำรว ยมาก
นั่น แผ่นเดียวนะ นี่เราปิดเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน
แล้วก็ปิดที่ โบสถ์ เป็นที่เกิดของพระ จะเป็นพระได้ต้องบวชในโบสถ์ ไปบวชกลางทุ่งนาไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอานิสงส์มาก สังเกตุหลวงพ่อพระพุทธรูปท่ านปิดทองทุกองค์
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้าร
พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายน
"ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ
อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำ
ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทร
เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาล
แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพ
ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่
ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็
เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน" ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชไ
--------------------------
... ฯลฯ ตระกูลนางวิสาขาจริงๆ เริ่มต้นมาจากคนที่ยากจนเข็
เมื่อตายจากความเป็นคนอาศัย
--------------------------
วันหนึ่ง หลวงพ่อเข้านิโรธสมาบัติ ตอนนั้นท่านป่วยมาก อาตมาไปนอนเฝ้ากับพระประทีป
ต่อจากนั้นท่านก็มาสายลมอีก
ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะทำหรอก เพราะมันหนัก แต่พอไปพูดกับผู้ใหญ่ ก็มีหลายคนบอกว่าต้องทำๆ เขาบอกแล้วก็ไป แต่ทุกข์มันอยู่ที่เรา ไอ้เราก็แบกซิ ไอ้นี่ไม่เสร็จ ไอ้นั่นไม่เสร็จทุกข์จังเลย
อย่างหลวงพ่อสร้าง วิหาร ๑๐๐ เมตร พระก็บอกทำทีละหน่อยๆ มันก้ไม่หนัก ก็มีงานขึ้นใหญ่ๆ อยู่ ๒ ชิ้น คือ "ปราสาททอง" กับ "โบสถ์ทองคำ" โบสถ์ทองคำ คือ ปิดทองคำเปลว เรื่องนี้เคยพูดกับหลวงพ่อเ
"หลวงพ่อครับ ใช้โมเสทสีทองซิครับ ทนครับ ฝนตกก็ไม่ลอก" เรานึกว่าดี
หลวงพ่อบอก "ฉันรู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ยอม อานิสงส์ไม่เหมือนกันคุณ อานิสงส์บูชาด้วยทองคำ เกิดกี่ชาติก็ไม่มีความยากจ
ดูตัวอย่างท่าน เมณทกเศรษฐี เอา ทองคำเปลว ไปปิดที่ฐานส้วมแล้วอธิษฐาน
ที่มา --พุทธธรรมนำใจ/fb.com