1.12.10

“อานิสงส์พุทโธ”

กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วยังกับละคร แม่ฝึก พุทโธอยู่ทุกวัน วันละหลายรอบ นับจากวันนั้นจนถึงวันที่เกิดเหตุ แม่ฝึกภาวนา พุทโธ มาประมาณ ๒ ปี เห็นจะได้

บ่ายวันพุธของเดือนเมษายนปี ๒๕๔๘ อากาศค่อนข้างร้อน แม่รู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวอยากจะอาบน้ำสระผม พี่สาวจึงพาไปสระผมในห้องน้ำ พอสระผมเสร็จก็พาแม่มายังห้องนอนชั้นล่าง เป็นทั้งห้องนอนและห้องรับแขกไปในตัว เพื่อจะเป่าผมที่เปียกอยู่ให้แห้ง พอเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบป้าอ้อย(เรียกตามหลาน) หมอนวดประจำตัวคุณแม่ ปกติป้าอ้อยจะมานวดให้แม่ทุกวันพฤหัสแม่จึงร้องถามว่า “วันนี้มาทำไม” ป้าอ้อยก็บอกว่ามานวดให้แม่ไง “วันนี้ไม่ใช่วันพฤหัส วันนี้เป็นวันพุธ” แม่พูดตอบ

อ้าว...ป้าอ้อยทำเสียงงงๆ จำวันผิดไม่เป็นไร พรุ่งนี้มาใหม่ก็ได้ “ไหนๆ มาแล้ว ก็ดื่มน้ำดื่มท่า พอให้ได้คลายร้อยคลายเหนื่อยเสียก่อนแล้วค่อยไป” แม่เอ่ยเชิญชวน

ขณะที่พี่สาวก็กำลังใช้ไดร์เป่าผมให้แม่ ครั้นเป่าไปไม่นาน เส้นผมก็ยังไม่แห้งดี จู่ๆ แม่ก็คอพับ ปากเขียวหมดสติไป พี่สาวก็ตกใจ ป้าอ้อยก็รีบเข้ามาช่วยกันหายาอมยาดมยาหม่องเท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น มาบีบมานวดมาทาให้แม่ เพื่อให้แม่ฟื้นคืนมา

ช่วยกันนวดอยู่ไม่นานนัก แม่ก็เริ่มรู้สึกตัว คำพูดแรกที่ป้าอ้อยได้ยินคือ พุทโธ...พุทโธ ออกจากปากแม่ ป้าอ้อยเล่าว่าได้ยินแล้วขนลุก แม่เริ่มลืมตาขึ้น แล้วมองไปรอบๆ

“แม่..แม่..แม่..เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่สาวร้องเรียก ถาม แม่ตอบว่า

“ไม่เป็นไร มันมืดไปหมดแล้วก็ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีเหมือนมีเสียงแต่ไกลๆ”

“เสียงอะไรคะแม่” ทุกคนตื่นเต้นอยากจะรู้

“เสียง พุธโธ...พุทโธ แล้วแม่ก็ตื่นฟื้นขึ้นมา”

สาธุ...สาธุ...สาธุ... ถ้าแม่ไปตอนนั้น แม่ก็ไปกับพุทโธ มีพุทโธเป็นที่พึ่ง มีพุทโธเป็นผู้นำทาง ท่านจะเชื่อเหมือนผมมั้ยครับว่า ถ้าแม่ไปตอนนั้น แม่ต้องไปดี

ด้วยอานิสงส์การภาวนาพุทโธ ๒ ปี จนพุทโธแรกๆ ที่ฝึกเพียงอยู่ที่ปาก แต่บัดนี้ พุทโธ ได้เข้าไปประทับอยู่ในใจของแม่แล้ว แม่มี พุทโธ เป็นที่พึ่งแล้ว

ก่อนหน้านี้ แม่เคยสั่งพี่ๆ น้องๆ ว่าอายุแม่ก็แก่มากแล้วจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าวันไหนแม่ใกล้จะตายให้รีบไปตามธีรยุทธมาด้วย ผมถามแม่ว่าไปตามผมมาทำไมครับ แม่บอกว่า “ตามมานำทาง”
ผมจึงบอกกับแม่ไปว่า “ตอนนี้ แม่ไม่ต้องตามผมแล้ว เพราะแม่มีพุทโธ เป็นผู้นำทางแล้ว”

ชีวิตนี้ถ้าใครมีพุทโธมีพระธรรมมีสติสัมปชัญญะเป็นที่พึ่งก็นับว่าประเสริฐยิ่งนัก เราฝึกทุกวันนี้ก็เพื่อวันสุดท้ายของชีวิตนั่นเอง
*******************
ที่มา---Nichapa Taworn/fb.com

No comments:

Post a Comment

การให้อภัย