27.7.12

น้ำนรก



         พระท่านว่า ''สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ'' แปลว่า ข้าพเจ้าของดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย เครื่องดองของมึนเมา เป็นศีลข้อสุดท้ายในศิล 5 ที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงบัีญญัติไว้ให้พุทธบริษัทได้สมาทานเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพราะศิลอีก 4 ข้อจะไม่สามารถปฎิบัติได้อย่างเด็ดขาด หาำกไม่งดเว้นจากการดื่มสุรา

        สุราทำให้เสียทรัพย์เพราะต้องเสียเงินไปซื้อหามาดื่ม ทำให้เสียจริต เมื่อเมาจะมีบุคคลิกที่เปลี่ยนไป จากคนดีเป็นคนขาดสติ พูดจาเพ้อพก ไม่สำรวม เป็นเหตุให้ทำชั่วโดยขาดความน่าเชื่อถือในสังคม ทุบตีลูกเมีย บ่นบ้า เป็นต้นเหตุแห่งอุบัติเหตุร้ายแรงจากการขับขี่ยวดยาน ทำลายสุขภาพ ป่วยเป็นโรค ตั้งแต่ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคตับ ฯลฯ

        ผมรู้ดีจึงไม่ดื่มเหล้า แต่ผมเป็นพ่อค้าขายส่งเหล้า เพราะเหล้าทำให้ผมรวย ทำมาตั้งแต่หนุ่มจนอายุเลยวัยกลางคน ก็ยังคงขายดี มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี

        หลวงพ่อหวน เจ้าอาวาสวัดดอนกลางหลวงลุงของผมเตือนบ่อยๆ เพราะท่านเป็นนนักเลงสุรามาก่อน จนทำให้ครอบครัวแตกแยก ท่านเองกินเหล้าจนหมดสติคาไห สลบไป 3 คืน เมื่อรู้สึกตัวได้เ่ล่าให้ผู้คนฟังว่าท่านไ้ด้ไปเมืองนรกมา พญายมบอกว่า หากว่าไม่ให้กลับไปก็ได้ เพราะบาปที่ทำกรรมที่ก่อ มันมากกว่ากรรมดี ทว่าพญายมราชต้องการให้ท่านกลับมาบวช แล้วดึงนักเลงเหล้าให้พ้นบ่วงกรรม สกัดมิให้คนกลายเป็นนักดื่ม

        เมื่อฟี้นฟูสุขภาพดีแล้วท่านก็บวชเป็นพระลูกวัด เทศนาเรื่องโทษสุราได้อย่างเฉียบขาด น้ำมนต์ของท่านทีให้คนสาบานเลิกเหล้าได้ผลดี เพราะท่านเสกด้วยอาคม และให้คนที่จะเลิกเหล้าดื่มพร้อมสาบานต่อหน้าหลวงพ่อเก้าศอก พระประธานในโบสถ์ โดยกล่าวว่า

        '' ผมดื่มน้ำมนต์หลวงพ่อเข้าไปแล้ว หากผมดื่มเหล้าอีก ขอให้ผมหมดทุกอย่าง แม้แต่ความเ็ป็นคน ''

        รายแรกที่เล่าลือก้ันมากคือตาแม้น ดื่มน้ำมนต์แล้วก็ไปดื่มเหล้าพอเมาก็พูดว่า เหลวไหล หลวงพ่อเก้าศอกเป็นพระพุทธรูปท่านไม่ทำร้ายพุ่ทธบริษัทหรอก ต่อมามีคนไปพบแกนอนกระอักเลือดตายด้านหลังโบสถ์หลวงพ่อเก้าศอก มีมดคันไฟมารุมกินจนปากเเหว่ง หายไปน่าทุเรศเวทนามาก ผู้คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะปากตาแม้นไม่ดีดื่มน้ำสาบานแล้วยังลบหลู่หลวงพ่อเก้าศอกอีก

        เมื่อหลวงลุงหวนมาขอให้ผมเลิกขายส่งเหล้า ทำใ้ห้ผมหงุดหงิดมาก จึงเกิดการต่อล้อต่อเถียงกับหลวงลุง

        '' ร้านนี้เป็นของน้องชายหลวงลุง เป็นพ่อผม ก่อนตายสั่งให้ผมรักษาไว้ ผมเป็นเพียงผู้ขายส่งเท่านั้ืน ถึงเเม้ผมจะปิดร้านไปทำมาหากินอย่างอื่น ก็มีคนมาเปิดร้านแทน หากอยากขายเหล้าให้หมดไปจากแผ่นดิน หลวงลุงต้องไปเทศนาให้เจ้าของโรงงานเลิกผลิตเหล้าเถอะ เมื่อไม่มีโรงเหล้าก็ไม่มีร้านส่งเหล้า ไม่มีขายส่งก็ไม่มีขายปลีก อีกอย่างรัฐบาลอนุญาติให้ผลิตเหล้า แล้วเก็บภาษีไปพัฒนาประเทศ มีรายได้เข้ารัฐเป็นกอบเป็นกำ หลวงลุงมาแ้ก้ทีปลายเหตุไม่ถูกต้องหรอกครับ ''

         '' หลวงลุงต้องเทศนาให้คนเลิกเหล้า แต่คนที่ขายส่งกลับเป็นหลานชายตัวเอง ม้ันเป็นภาพลบสวนทางกับที่สอน หลวงลุงจึงได้มาขอร้อง ''

        '' เป็นไปไม่ได้ หลวงลุงสอนให้คนละ เลิกเหล้า ผมขายเหล้าม้นก็เป็นอาชีพสุจริตของผม ผมกับหลวงลุงเดินคนละทาง จะให้มาเดินเส้นทางเดียวกันไม่ได้ ผมว่า ขอร้องให้ผมทำอย่างอื่นดีกว่า ''

       '' หลวงลุงเกรงว่าจะเจ้าวิบัติเพราะมีคนดื่มเหล้าที่เจ้าขายแล้วไปพบกับจุดจบไม่ดีเพิ่มขึ้นทุกๆปี คนเรามันรู้เสียเมื่อไหร่ว่าบุญเก่าที่ให้ผลมามันจะหมดวันใหน เมื่อใด แล้วกรรมใหม่มันจะสนอง''

         '' โอย....ถ้าเป็นอย่างที่หลวงลุงว่า เจ้าของกิจการโรงเหล้า โรงเบียร์ที่ทำให้คนตายปีละเป็นล้านเพราะเมาสุรา ก็ต้องได้รับผลกรรมตายไปหมดแล้ว แต่นี่ผมเห็นรวยติดอันดับโลก มีคนเขียนประัวัติสรรเสริญเยินยอ ซื้อผ้าห่มกันหนาวแจกชาวบ้าน สร้างตึก สร้างโรงพยาบาล สร้างสาธารณะประโยชน์มากมาย''

        หลวงลุงดวงตาเป็นประกายกล้า จนผมรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจ สิ่งที่ท่านพูดออกมาทำให้ผมขนลุกเกรียว

        '' เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเป็นอาชีพสุจริต พระพุทธองค์ทรงตรัสสิ่งตรงกันข้ามกับสัมมาอาชีโว คืออาชีพที่ชาวพุทธไม่ควรประกอบ หนึ่งในนั้น คือการขายยาพิษ เหล้าก็จัดเป็นยาพิษให้กับผู้คนไ่เลือกวัยไม่เลือกชั้นวรรณะ

        ''บุญที่ทำจากเงินบาป ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลบุญเพือล้างบาปที่ทำให้คนตายปีละนับล้านคน ทำใ้ห้คนพิการ ครอบครัวแตกแยกทำให้คนหมดอานาคต ติดคุกติดตาราง มีผลอย่างเดียว คือผลทางจิตวิทยาเท่่านั้น มีผลอยู่บ้างคือผลชะลอการเข้าทำลายของวิบากกรรม เพราะเมื่อเริ่มวันใหม่ คนตายเพราะอุับัติเหตุจากการดื่มสุรา คนตายเพราะ่ทะเลาะวิวาท คนเสียหายเพราะถูกข่มขืน คนตายเพราะป่วยจากโรคอันเกิดจากการดื่มสุรา ครอบครัวแตกแยก พ่อเมาข่มขืนลูกในไส้มีทุกวัน''

        ''เหมือนเอาเกลือเติมลงไปในน้ำทุกวัน น้ำก็จะเค็มจนตกผลึก แม้จะเอาน้ำจืดเติมลงไปก็เพียงแต่ทำให้การตกผลึกชะลอลงเท่านั้น วันใดที่ผลึกเกลือเพิ่มขึ้นจนเต็มภาชานะ น้ำจืดไม่อาจเติมลงไปได้ นั่นคือการที่กรรมจะส่งผลกรรม ไม่มีข้อยกเว้น ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับผู้สร้างกรรมทำไว้ บุญกรรมเก่้าย่อมมีวันหมด เพราะบุญใหม่ไม่ได้ทำ แม้ทำก็เป็นส่วนที่มาจากความบาป ความวิบัติย่อมมาเยือน''

        ''หลวงลุงแช่งผมหรือ ผมเป็นหลานในไส้ของหลวงลุงนะครับ''

        ''เปล่า ไม่ต้องให้ใครแช่งหรอก ความวิบัติมันจะมาเยือนเอง หลวงลุงไม่เคยแช่งใคร แม้แต่การให้กินน้ำมนต์สาบานก็เช่นกัน ตาแม้นกระอักเลือดตายเพราะเจตนากระทำให้ผู้คนไม่เชื่อน้ำมนต์หลวงพ่อเก้าศอก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์คือเทวดาที่รักษาหลวงพ่อเก้าศอก เทวดาท่านมีทั้งคุณและโทษ อย่าไปล้อเล่น หลวงลุงมาเตือนเจ้าแค่นี้''

        นับแต่นั้นหลวงลุงก็ไม่เคยเหยียบย่างมาที่ร้านผมอีกเลย ท่านเห็นแล้วว่าผมเป็นคนหัวรั้น คงทำใ้ห้ผมเปลี่ยนใจไม่ได้ เพราะผมยังคงเห็นว่าการขายส่งเหล้าเป็นอาชีพสุจริต เพราะผมไม่ได้ไปปล้นจี้ ฆ่า หรือ ฉก ชิง วิ่งราว ผมไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญให้ใครมาซื้อ ทุกคนที่เข้ามาล้วนมีท่าทางยินดีที่จะได้ดื่มเหล้า ผมไม่เคยได้ยินใคร หรือคอสุราบ่นว่าเหล้าเเพง คงก้มหน้าก้มตาซื้อเหล้าดื่มกันต่อไป

        หลวงลุงก็ยังคงเทศนา่ต่อไปตามที่ท่านบอกว่าได้รับปากไว้กับพญายมราชไว้ว่าจะกลับมาช่วยคนให้พ้นจากการเป็นทาสสุรา ส่วนผมก็ทำหน้าที่จำหน่ายสุราของผมต่อไป ผมไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าร้านปลีกนำเหล้าไปขายต่อให้เยาวชน แต่ถึงผมรู้ผมก็คงจะบอกว่าช่างปะไร ไม่ได้เป็นคนขายซะหน่อย ผมขายส่งเท่านั้น ส่วนนอกนั้นผมไม่เกี่ยว

       ''สนอง'' คนขับรถส่งของที่ร้าน ขับรถไปประสานงากับรถบรรทุกสิบล้อ ที่บรรทุึกเหล้าเบียร์มาส่งใน ตัวจังหวัด จนตายคาที่ ส่วนรถพังซ่อมไม่ได้ สินค้าเสียหายหมด ได้ประกันภัยมา ผมก็ออกรถใหม่แต่ย้ังหาคนขับไม่ได้ ผมจึงต้องขับเอง

        วันนั้นผมจำได้แม่น หลวงลุงมาหาที่ร้าน ท่านมาพูดแปลกๆกับผม

        ''จำที่หลวงลุงบอกได้ไหมว่าให้หยุดเป็นเอเย่นต์ขายส่งเหล้า คราวนี้หลวงลุงจะไม่พูดอะไรมาก ขอบอกสั้นๆว่า หยุดเถิด''

        แต่ผมยังไม่ได้ทันจะโต้ตอบ หลวงลุงก็เดินจากไปทันทีจากร้าน เหมือนกับว่า่ท่านจะมาบอกใบ้อะไรผมสักอย่าง แต่ผมไ่ม่มีเวลาที่จะใส่ใจ เด็กท้้ายรถพร้อมของจัดขึ้นรถเรียบร้อยไม่ตกหล่น ผมขึ้่นรถขับไปส่งของเองตามจุดหมาย

       วันนี้เป็นวันพิเศษของผม เพราะลูกชายกับลูกสาวที่ไปเรียนทำปริญญาที่กรุงเทพฯปิดภาคเรียนจะกลับบ้าน ลูกชายคนโตเรียนปีสี่ ลูกสาวคนรองเรียนอยู่ปีหนึ่ีง

       ผมส่งของเสร็๋จกลับมาอาบน้ำอาบท่า นั่งดีดลูกคิดทำบัญชีรายวัน รอเวลาลูกสองคนจะกลับ ราว 5 โมงกว่าๆ จ่าสมชายขี่จักรยานมาจอดหน้าร้าน หน้าตาตื่นเข้ามาบอกว่า

      ''เสี่ยชัยๆ ลูกสองคนของเสี่ยเกิดอุบัติเหตุ รถที่ขับมาถูกรถบรรทุกหกล้อข้ามเลนมาชนแหลก คนขับรถบรรทุกถูกจับได้ ลูกสาวเสี่ยบาดเจ็บไม่มาก แต่ลูกชายเป็นตายเท่ากัน ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราช''

       ผมรีบขับรถไปดูอาการของลูกๆที่โรงพยาบาลมหาราชชทันที ลูกสาวไม่เป็นอะไรมาก แต่ลูกชายหมอบอกว่าสาหัสมาก ยังเข้าไปดูไม่ได้ และต้องนำเข้าผ่าตัดด่วน หลังจากนั้นต้องรอดูอาการอีกสามถึงเจ็ดวัน หากไม่ฟี้นหรือไม่ดีขึ้น ก็จะผ่าตัดซ้ำอีกครั้ง

       ผมออกจากโรงพยาบาลตรงไปสถาณีตำรวจ เพราะอยากเห็นหน้าคนขับรถ ซึ่งตำรวจกำลังสอบปากคำอยู่พอดี ที่ทำให้ผมโกรธแค้นทีสุดจนต้องเดินไปตบหน้ามัน ก็เพราะเจ้าหมอนั่นเมาเเอ๋แทบไม่ได้สติ มันดื่มสุราทีผมเป็นเอเย่นต์จนเมาแล้วขับรถมาชนลูกผม

       ผมไปนมัสการหลวงลุงที่กุฎิ ท่านมองดูผมด้วยสายตาปลงสังเวช ผมถามท่านว่า

       ''ไปหาผมครั้งสุดท้าย หลวงลุงมีปฎิกริยาแปลกๆเหมือนจะไปบอกอะไร แล้วทำไมไม่บอกตรงๆล่ะครับ ตอนนี้เหลนหลวงลุงนอนอยู่ไอซียู หลวงลุึงช่วยบ้างได้ไหม''

      ''หลวงลุงเคยบอกแล้วว่า เมื่อตอนดื่มเหล้าแล้วหมดสติไป 3วัน 3คืน ได้ไปเมืองนรก ได้รับปากกับท่านพญายมราชว่าจะกลับมาบวชเพื่อช่วยให้คนงดดื่มสุรา แต่หลวงลุึงไม่เคยบอกใครว่าพบเห็นอะไรมาบ้าง อยากรู้ไหมล่ะว่าหลวงลุงพบพ่อแกถูกทรมาน โดยเอาไปมัดแช่ไว้ในน้ำตกที่เป็นเหล้า พอได้ที่ก็มีไฟพุงออกมา ทำให้เกิดไฟลุกท่วมตัว ร้องโหยหวนทรมานมาก''

      ''ครั้งแรกที่หลวงลุงไปหาเจ้า ก็เพราะท่านผู้เป็นใหญ่ในนรกภูมิท่านให้ไปเตือนเจ้าว่าใ้ห้เลิกการค้าส่งสุราเสีย เพราะวิบากกำลังใกล้เข้ามา และครั้งสุดท้ายท่านให้หลวงลุงไปเตือนอีก แต่ห้ามพูดมาก หรือบอกใบ้ให้รู้ เพราะมันผิดธรรมเนียม แล้วแต่เวรแต่กรรมของตน หลวงลุงจึงทำได้แค่นั้น''


       ระหว่างการเลิกอาชีพขายส่งเหล้าเพื่อแลกกับชีวิตลูกชายผมจะเลือกอย่างใหนดีล่ะ ที่สุดผมก็ไปนั้งต่อหน้าหลวงพ่อเก้าศอกให้คำสาบานกับท่านว่าขอชีวิตลูกชายผมคืน ผมจะแลกด้วยการเลิกอาชีพขายส่งเหล้าเบียร์ ขอให้ท่านพญายมราชเป็นพยาน หลังจากนั้่นในวันที่สามลูกชายผมก็ฟื้นขึ้่นมา และมีอาการดีขึ้น จนสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ เมื่อกลับมาบ้านลูกชายได้เล่าเรื่องให้ฟังว่า ตอนที่เขาสลบอยู่ในห้องไอซียูที่โรงพยาบาล เหมือนกับผันไปว่าเขาได้เดินหลงทางไปในที่ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วถูกชาย 4คน อาวุธครบมือ มาจับตัวเขามัดเอาไว้แล้วบอกให้เดินตามไป


       ขณะที่ลูกชายขัดขืนไม่ยอมไปด้วยนั้น หลวงตา
(หลวงลุงของผม ลูกๆจะเรียกท่านว่าหลวงตา)ได้เข้ามาช่วย โดยนำคำสั่งของท่านพญายมราชมาบอกว่าให้ปล่อยตัวแล้วแกกลับมาที่ห้องไอซียู จนกระทั้่งแกรู้สึกตัวอีกครั้ง..........




credit -- หนังสือ''กรรมกำหนดกรรม''(แสน วิชาชาญ)

อย่าเสียเวลา