ระหว่างการสนทนา ผู้เขียนสังเกตเห็นว่า น้ำตาเธอคลอหน่วย
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ เธอจึงตอบว่า ที่น้ำตาคลอหน่วย
เพราะรู้สึกดีใจที่ได้มาฟังธรรม แต่พร้อมกันนั้นก็เสียใจจนสะเทื อนใจ
ที่สะเทือนใจก็เพราะเธอรู้สึกว่ า ตนเองได้พบกับธรรมะเมื่ออายุมากแล้ว
"ชีวิตคนเรา ก็เหมือนกับเส้นด้ายที่ถูกดึ งออกมาจากหลอดด้ายทีละนิดๆ
ขณะที่ดึงด้ายออกมาจากหลอดด้ายนั้น บางทีเราก็รู้สึกกระหยิ่มว่า
ยังมีด้ายเหลืออยู่อีกมากมาย จึงชะล่าใจที่จะดึงด้ายออกมาใช้อย่างฟุ่ มเฟือย
แต่พบว่าแท้จริงแล้ว มีด้ายอยู่เพียงนิดเดียว เย็บผ้าได้เพียงนิดหน่อยก็หมด
หากแต่ที่เราเห็นว่า ยังคงมีด้ายเหลืออยู่เยอะแยะนั่ นเป็นเพราะว่า
แกนด้ายมันใหญ่ต่างหาก...แกนด้ ายมันหลอกตาให้ เราพลอยชะล่าใจ... "
พลันที่เธอเล่าจบ ผู้เขียนก็รู้สึกสว่างโพลงขึ้ นมาในใจ
ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ได้มาฟังเทศน์เสียแล้ว แต่เธอมาเทศน์ต่างหาก
เธอกำลังเทศน์เรื่อง "ความสำคัญของเวลา" และ " คุณค่าของชีวิต"
เคยได้ยินคำพูดในทำนองนี้บ่อยๆ ว่า
เรามีเวลา ๒๔ ชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่ากัน ทว่า เราได้ประโยชน์จากเวลาไม่เคยเท่ากัน
สำหรับบางคนเวลา ๒๔ ชั่วโมงช่างแสนสั้น แต่สำหรับบางคน ๒๔ ชั่วโมง ช่าง เป็นเวลายาวนานเหลือแสน
ผู้หญิงคนนี้เธอบอกว่า เธอเสียดายที่มีเวลาเหลืออีกไม่มากอยากจะปฏิบัติธรรม ให้ถึงที่สุดก็เกรงว่าเวลาจะมีไม่พอ
ผู้เขียนจึงบอกว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่สำคัญที่ เวลา แต่สำคัญที่ "ปัญญา" สำหรับ คนมีปัญญากล้าแข็ง อย่าว่าเป็นวันเลย บางที นาทีเดียวก็บรรลุธรรมได้
สำหรับคนเขลา ต่อให้ภาวนาทั้งชีวิต บางทีก็ยังไม่เห็นผล คนที่อยู่ในวัยสนธยา จึงไม่ควรน้อยใจว่า เรามีเวลาไม่พอ แต่ควรจะบอกตัวเองว่า เรายัง " พอมีเวลา" ต่างหาก แต่คนที่คิดว่าเรายัง "พอมีเวลา" ก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน เพราะบางทีการคิดด้วย ท่าที ที่เป็นบวกอย่างนี้ ก็ทำให้ประมาท
และเป็นเหตุให้พลาดโอกาสที่ จะเร่งรัดทำสิ่งดีๆ
ดังนั้น นอกจากจะคิดว่ายังพอมีเวลาแล้ว ก็ควรจะคิดเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่ า" วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต" ด้วย เพราะหากเราคิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำแข่งกับเวลา
เราเคยได้ยินพระท่านสอนอยู่บ่ อยๆ ว่า การฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ผู้เขียนอยากบอกว่า การฆ่าเวลาต่างหากที่เป็นบาปมหั นต์ยิ่งกว่า
แต่หากคุณฆ่าเวลาด้วยวิธีใดก็ ตาม ถึงแม้คุณจะ สำนึกผิด กลับมาเห็น คุณค่าของเวลา ทว่าก็ไม่สามารถย้อนเวลาที่ผ่ านไปแล้วให้ หวนคืนกลับมาได้อีก เราทุกคน ต่างก็มีเวลาที่ไม่อาจรีไซเคิล ไม่ว่าคุณจะมีเงิน มหาศาลสักกี่ล้านล้านดอลล่าร์ก็ ตามที สำหรับเวลานั้น ผ่านแล้ว ผ่านเลยนิรันดร์ ...
ครั้งหนึ่งลีโอ ตอลสตอย เคยเขียนปริศนาธรรมไว้ว่า
" ใคร คือ คนสำคัญที่สุด งานใด คือ งานที่สำคัญที่สุด เวลาใด คือ เวลาที่ดีที่สุด"
ตอลสตอยตั้งคำถามนี้ผ่านเรื่ องสั้นเรื่องหนึ่ง และในที่สุดก็เฉลยว่า
" คนสำคัญที่สุด ก็คือ คนที่อยู่เบื้องหน้าเรา งานสำคัญที่สุด ก็คือ งานที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี ้ เวลาที่ดีที่สุด ก็คือ เวลาปัจจุบันขณะ"
ทำไมคนที่อยู่เบื้องหน้าเราจึ งสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ
อาจเป็นไปได้ว่า ในชั่วชีวิต อันแสนสั้นนี้ เรากับเขาอาจมีโอกาสพบกันได้เพี ยงครั้งเดียว
ดังนั้น เราจึงควรทำให้ การพบกันทุกครั้ง เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองอันแสนวิเศษ ที่ต่างฝ่ายต่างควร สร้างความทรงจำแสนงามไว้ให้แก่กันและกันตลอดไป
เราต้องไม่ลืมว่า มนุษย์นั้น รู้เกลียดยาวนานกว่ารู้รัก หากการพบกันครั้งแรกนำมาซึ่งความรัก และหากเป็นการพบกันเพียงครั้ งเดียวของชีวิตในอนันตจักรวาลนั่นก็นับว่า เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแล้ วสำหรับการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนสองคน
ทำไมงานที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี ้ จึงเป็นงานสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ เพราะทันทีที่คุณปล่อยให้งานหลุ ดจากมือคุณไป งานก็จะกลายเป็นของสาธารณ์
ความอัปรีย์แห่งชีวิต ตอนแรกคุณเป็นผู้สร้างงาน แต่เมื่อปล่อยงานหลุดจากมื อไปแล้ว
งานมันจะเป็น ผู้ย้อนกลับมาสร้างคุณ
ทำไม เวลาที่ดีที่สุด จึงควรเป็นปัจจุบันขณะ คำตอบก็คือ เพราะเวลาทุกวินาทีจะไหล ผ่านชีวิตเราเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าคุณจะหวงแหนเวลาขนาดไหน มีเงินมากเพียงไร ก็ไม่มีใครสามารถรื้อฟื้นเวลาที ่ล่วงไปแล้วให้คืนกลับมาได้ ทุกครั้งที่เวลาไหลผ่านเราไป หากเราไม่ใช้เวลาให้เกิ ดประโยชน์สูงสุด ชีวิตของคุณ ก็พร่องไปแล้วจากปวงประโยชน์ มากมายที่คุณควรได้จากห้วงเวลา
เวลาไม่มีตัวตน แต่หากเรามีปัญญา ก็สามารถสร้างคุณค่าที่เป็นรู ปธรรมจากเวลาได้อเนกอนันต์
คน...แม้มีตัวตนเห็นกันอยู่ชั ดๆ แต่หากปฏิบัติไม่ถูกต่อเวลา
ถึงมีตัวตนเป็นคนอยู่แท้ๆ แต่ชีวิตก็อาจว่างเปล่ายิ่งกว่ าเวลา
ทุกวันนี้ เราทุกคนกำลังสาวด้ายแห่ งเวลาในชีวิตออกมาใช้กันอยู่ทุกขณะจิต เคยคิด กันบ้างหรือไม่ว่า เส้นด้ายแห่งเวลาในชีวิตของเรา เหลือกันอยู่สักกี่มากน้อย ?

No comments:
Post a Comment