บุญ ตามรูปศัพท์ หมายถึง คุณธรรมสำหรับชำระจิตให้ประเสริฐ,สะอาด ไม่ใช่กองคลังของสิ่งวิเศษ ที่ใครอยากได้อะไรก็มาขอเอาได้อย่างที่คนไทยส่วนมากเข้าใจ เสียหน่อย
วิธีการทำบุญก็มีตั้งมากมาย ๑๐ วิธี เป็นอย่างน้อย การทำบุญที่จะให้ได้บุญจริงๆ ก็มีเงื่อนไข และบุญสำคัญที่สุด ก็คือ ภาวนา แต่คนส่วนใหญ่รู้จักบุญว่าหมายถึง "ทาน" เสียเป็นส่วนมาก
เมื่อเข้าใจแคบๆ อย่างนี้ จึงทำบุญไม่ค่อยเป็น การทำบุญไม่เพียงเป็นวิธีฝึกละลายอีโก้ แต่เป็นกระบวนการทำลายความโง่นั้นถูกต้องแล้ว
คนสมัยก่อนจึงเรียกการทำบุญคู่กับการทำกุศล เพราะกุศลแปลว่า "ฉลาด" ทำบุญทุกครั้ง ถ้ามันทำให้เราฉลาดด้วย จึงจะนับว่าได้ทำบุญที่แท้
แต่ถ้าให้ดีที่สุด อย่าหยุดแค่บุญ ต้องไปให้ถึงปัญญา เพราะที่สุดของมนุษย์ตามแนวพุทธ คือ เหนือบุญเหนือบาป อย่ามัวแต่หลงวนอยู่ในวังวนของบุญ เพราะคนทำบุญมากๆ ก็ติดในบุญได้
เช่น ทำบุญแล้วเกิดเป็นเทวดา ก็ติดในภพเทวดา หรือทำบุญแล้วอิ่มใจ ก็ติดในปีติอิ่มใจอีก และ/หรือทำบุญแล้วได้หน้า ก็ติดที่หน้าตา/อีโก้อีก
การทำบุญจึงควรพัฒนาขึ้นไปเป็นชั้นๆ จนสุดท้าย เห็นบุญเป็นเพียง "มรรควิธี" ไม่ใช่ "จุดหมาย"
อย่าเอามรรควิธีมาเป็นจุดหมาย เราชาวพุทธควรก้าวไปให้ถึงปัญญา ไม่ใช่เพียงปัญญาสำหรับโต้วาทีตีวาทะ แต่ต้องเป็นปัญญาที่ดับทุกข์ในใจตัวเองได้ และการพัฒนาตนให้มีปัญญาเหนือบุญเหนือบาปก็ไม่ใช่เรื่องต้องรอนับร้อยปี แต่ทำได้ในชีวิตนี้นี่แหละ ทำได้ง่ายๆ แค่ฝึก "หายใจให้เป็น" แค่นี้ก็ถึงที่สุดแห่งวิวัฒนาการของความเป็นมนุษย์ได้แล้ว
วิธีการทำบุญก็มีตั้งมากมาย ๑๐ วิธี เป็นอย่างน้อย การทำบุญที่จะให้ได้บุญจริงๆ ก็มีเงื่อนไข และบุญสำคัญที่สุด ก็คือ ภาวนา แต่คนส่วนใหญ่รู้จักบุญว่าหมายถึง "ทาน" เสียเป็นส่วนมาก
เมื่อเข้าใจแคบๆ อย่างนี้ จึงทำบุญไม่ค่อยเป็น การทำบุญไม่เพียงเป็นวิธีฝึกละลายอีโก้ แต่เป็นกระบวนการทำลายความโง่นั้นถูกต้องแล้ว
คนสมัยก่อนจึงเรียกการทำบุญคู่กับการทำกุศล เพราะกุศลแปลว่า "ฉลาด" ทำบุญทุกครั้ง ถ้ามันทำให้เราฉลาดด้วย จึงจะนับว่าได้ทำบุญที่แท้
แต่ถ้าให้ดีที่สุด อย่าหยุดแค่บุญ ต้องไปให้ถึงปัญญา เพราะที่สุดของมนุษย์ตามแนวพุทธ คือ เหนือบุญเหนือบาป อย่ามัวแต่หลงวนอยู่ในวังวนของบุญ เพราะคนทำบุญมากๆ ก็ติดในบุญได้
เช่น ทำบุญแล้วเกิดเป็นเทวดา ก็ติดในภพเทวดา หรือทำบุญแล้วอิ่มใจ ก็ติดในปีติอิ่มใจอีก และ/หรือทำบุญแล้วได้หน้า ก็ติดที่หน้าตา/อีโก้อีก
การทำบุญจึงควรพัฒนาขึ้นไปเป็นชั้นๆ จนสุดท้าย เห็นบุญเป็นเพียง "มรรควิธี" ไม่ใช่ "จุดหมาย"
อย่าเอามรรควิธีมาเป็นจุดหมาย เราชาวพุทธควรก้าวไปให้ถึงปัญญา ไม่ใช่เพียงปัญญาสำหรับโต้วาทีตีวาทะ แต่ต้องเป็นปัญญาที่ดับทุกข์ในใจตัวเองได้ และการพัฒนาตนให้มีปัญญาเหนือบุญเหนือบาปก็ไม่ใช่เรื่องต้องรอนับร้อยปี แต่ทำได้ในชีวิตนี้นี่แหละ ทำได้ง่ายๆ แค่ฝึก "หายใจให้เป็น" แค่นี้ก็ถึงที่สุดแห่งวิวัฒนาการของความเป็นมนุษย์ได้แล้ว
No comments:
Post a Comment