8.9.11

พระวจนะ...



"ภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัย ตาด้วย รูปด้วย จึงเกิดความรู้แจ้งทางตาขึ้นการประจวบพร้อม(แห่งตา+รูป+วิญญาน)ทั้งสามอย่างนั้น ย่อมเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีเวทนา อันเป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง
......ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้น เมื่อถูกสุขเวทนากระทบแล้ว ย่อมไม่เพลิน ไม่พร่ำเพ้อถึง ไม่เมาหมกติดอกติดใจ อนุสัย คือ ราคะย่อมไม่ตามนอน ในสันดานของบุคคลนั้น
......ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นเมื่อถูกทุกขเวทนา กระทบแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ระทมใจ ไม่คร่ำครวญ ตีอกร่ำไห้ ไม่ถึงความหลง อนุสัยคือ ปฎิฆะ ย่อมไม่ตามนอนในสันดานบุคคลนั้น
......ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นเมื่อเกิด เวทนาอันไม่ทุกข์ไม่สุขกระทบแล้วย่อม รู้ชัดแจ้งตรงตามความจริง ซึ่งการก่อขึ้นของเวทนานั้น ซึ่งรสอร่อยของเวทนานั้น ซึ่งโทษของเวทนานั้น ซึ่งอุบายเครื่องออกจากเวทนานั้น อนุสัยคือ อวิชชา ย่อมไม่ตามนอน ในสันดานบุคคลนั้น
......ภิกษุทั้งหลาย บุคคลนั้นหนอ ละอนุสัยคือ ราคะในสุขเวทนาได้แล้ว บรรเทาอนุสัยคือ ปฎิฆะในทุกขเวทนาได้แล้ว ถอนขึ้นได้กระทั่งราก ซึ่งอนุสัยคือ อวิชชา ในเวทนาอันไม่ทุกข์ไม่สุขได้แล้ว ท่านละอวิชชาได้แล้ว ทำวิชชาให้เกิดแล้ว จักเป็นผู้ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ในปัจจุบันนี้โดยแท้ ข้อนี้เป็นฐานะจะมีได้แล....
 
 ............(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส)............

No comments:

Post a Comment

คนมีธรรม