เล่าถึงปฏิปทาของหลวงปู่มั่นในเรื่องการเรี่ยไรและวัตถุมงคลว่า การเรี่ยไรแผ่ๆ ขอๆ ในทางตรงและทางอ้อม และจัดงานขึ้นในวัดเพื่อหารายได้สมทบทุน การก่อสร้างหรือซ่อมแซม เกี่ยวกับตัวเงินๆ ไม่มีในขันธสันดานขององค์หลวงปู่เลย ของรางของขลังไม่มีในปฏิปทาเลย
รูปเหรียญขายพระเล็กพระน้อยพุทธาภิเษก ก็ไม่มีในปฏิปทาขององค์ท่านเลย วิชาปลุกเสก แกะหูแกะตา แคะหูแคะตาให้พระพุทธรูป หรือทำพิธีบวชให้พระพุทธรูป ก็ไม่มีในสันติวิธีขององค์ท่าน
องค์ท่านกล่าวว่า"สมมุติเป็นพระพุทธรูปแล้วก็เสร็จกัน เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปปลุกท่านให้ตื่น ท่านตื่นก่อนเราเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว เราดีอย่างไรจึงจะไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน ตานอกตาในหูนอกหูในขององค์ท่านดีกว่าเราแล้ว จะภิเษกภิษันให้องค์ท่านเป็นอะไรอีก องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่านทำไม
นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรก ขุมมิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญว่าเห็นชอบ เข้าข้างตัวแต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดรู้จักถูกแล้ว ธรรมอันละเอียดลออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก ไฉนจะรู้ได้"
พูดไปมากเป็นภัย แต่มีประโยชน์แก่นักปราชญ์ แต่บาดหูผู้ไม่ชอบ และจะถูกกล่าวตู่ว่า ขัดขวางรายได้แห่งวัตถุ แต่เมื่อไม่พูดยามมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้จะไปพูดเวลาไหน"
เล่าโดย หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
credit -- บัณฑิต ปื่นมงคลกุล/fb.com