เป็นที่น่าสังเวชใจ มีอยู่ครั้งนึงที่ผมไปเดินตลาดแล้วเห็นแม่ค้า นั่งฆ่ากบโชว์ แบบไม่แคร์สื่อ ทำให้ผมรับรู้ถึงความทรมานของผู้ที่ถูกฆ่าเป็นอย่างดี อย่างที่ทราบกันดีว่า ธรรมดาของกบนั้นมันก็ไม่ต่างกับคน แค่โดนทำร้ายให้แขนขาหัก มันก็ทรมานจนไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว แล้วถ้ายังโดนถลกหนังสดๆเหลือแต่เนื้อแท้ๆ ความทรมานนั้นเกินจะหาคำทุกคำมาบรรยายได้ นอกจากจะเจอด้วยตนเอง ผมก็ไม่รู้ว่าแม่ค้าคนนั้น จะต้องได้รับกรรมสาหัสขนาดไหนบ้าง ต้องตกนรกกี่ขุม กี่พัน กี่หมื่นปี จึงจะหมด เพราะกบที่ฆ่าไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่ประมาณจำนวนมิได้ และทำเป็นประจำ ผลกรรมที่ได้รับ (เฉพาะในชาตินี้ ) นั้น จะเหมือนกับยายคนหนึ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้หรือไม่
เมื่อช่วงที่น้ำท่วม ผมได้มีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัด หนีน้องน้ำ มีอยู่วันนึง นั่งอยู่กับแม่ แม่ก็เล่าเรื่องของคุณยายคนนึง(ขอเรียกแกว่า ยายแก้ว)ให้ฟังว่าเมื่อสมัยก่อน คุณยายแก้วคนนี้หากินด้วยการทำบาป โดยเฉพาะชอบจับกบ พอจับได้ก็จะหักขามันทั้งสองข้างอย่างโหดเหี้ยม มีครั้งนึง ยายของผมไปเห็นก็เลยถามคุณยายแก้วคนนี้ซึ่งเป็นญาติกันว่า ไปหักขามันทำไม คุณยายแก้วตอบว่า "ก็หักให้มันหนีไม่ได้ไง เดี๋ยวมันจะกระโดดหนี" คุณยายของผมเห็นแล้วรู้สึกสังเวชและกลัวบาปกลัวกรรมแทนคุณยายแก้วยิ่งนัก ไม่รู้ว่าทำแบบนี้กับกบมากี่ร้อย กี่พันตัวแล้ว บาปกรรมจะหนักหนาขนาดไหนกัน และกรรมก็ทำหน้าที่ของมันเมื่อถึงเวลาอันสมควร ไม่ต้องรอชาติไหน คุณยายแก้วมีเหตุให้ต้องเป็นอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ และต้องอยู่อย่างเจ็บปวดทรมาน จะตายก็ไม่ได้ เป็นที่เศร้าสลดแก่บรรดาลูกหลาน และญาติพี่น้องยิ่งนัก ผมเองก็เคยเห็น แต่นั่นมันก็นานมาแล้วตั้งแต่ตอนที่แกยังไม่เสีย แต่ผมก็เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า เพราะเหตุใดแกจึงต้องรับกรรมแบบนั้น เมื่อนึกสภาพแกจากห้วงความจำของผมแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่า วิญญาณของบรรดากบที่ถูกแกทรมาน และฆ่าตายนั้น มีมากมายเสียเหลือเกิน และแต่ละตัวก็คงแค้นจนเกินบรรยาย และทุกวันนี้ คุณยายแก้วจะชดใช้หนี้กรรมหนักหนาสาหัสในนรกขุมไหนอยู่ก็มิอาจทราบได้ และวันเวลาในนรกนั้นยาวนานเหลือคณานับ พอหลุดพ้นจากนรก จะต้องมารับกรรมในชาติต่อๆไปอีกกี่ชาติก็ไม่ทราบเช่นกัน
นี่แหละน้า...กรรมทันตาเห็น ไปคิดว่าพวกเค้าเป็นอาหาร จะฆ่า จะทรมานยังไงก็ได้ ทุกวันนี้ผมยังนึกอยู่เลยครับว่า พวกที่ทำอาชีพฆ่าสัตว์ทุกวี่ทุกวัน กรรมของพวกเค้าจะหนักหนาปานใดกัน ทำไมไม่รู้จักบุญบาปกันบ้างนึกแล้วหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อช่วงที่น้ำท่วม ผมได้มีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัด หนีน้องน้ำ มีอยู่วันนึง นั่งอยู่กับแม่ แม่ก็เล่าเรื่องของคุณยายคนนึง(ขอเรียกแกว่า ยายแก้ว)ให้ฟังว่าเมื่อสมัยก่อน คุณยายแก้วคนนี้หากินด้วยการทำบาป โดยเฉพาะชอบจับกบ พอจับได้ก็จะหักขามันทั้งสองข้างอย่างโหดเหี้ยม มีครั้งนึง ยายของผมไปเห็นก็เลยถามคุณยายแก้วคนนี้ซึ่งเป็นญาติกันว่า ไปหักขามันทำไม คุณยายแก้วตอบว่า "ก็หักให้มันหนีไม่ได้ไง เดี๋ยวมันจะกระโดดหนี" คุณยายของผมเห็นแล้วรู้สึกสังเวชและกลัวบาปกลัวกรรมแทนคุณยายแก้วยิ่งนัก ไม่รู้ว่าทำแบบนี้กับกบมากี่ร้อย กี่พันตัวแล้ว บาปกรรมจะหนักหนาขนาดไหนกัน และกรรมก็ทำหน้าที่ของมันเมื่อถึงเวลาอันสมควร ไม่ต้องรอชาติไหน คุณยายแก้วมีเหตุให้ต้องเป็นอัมพาต ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ และต้องอยู่อย่างเจ็บปวดทรมาน จะตายก็ไม่ได้ เป็นที่เศร้าสลดแก่บรรดาลูกหลาน และญาติพี่น้องยิ่งนัก ผมเองก็เคยเห็น แต่นั่นมันก็นานมาแล้วตั้งแต่ตอนที่แกยังไม่เสีย แต่ผมก็เพิ่งจะมารู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า เพราะเหตุใดแกจึงต้องรับกรรมแบบนั้น เมื่อนึกสภาพแกจากห้วงความจำของผมแล้ว ผมก็รู้สึกได้ว่า วิญญาณของบรรดากบที่ถูกแกทรมาน และฆ่าตายนั้น มีมากมายเสียเหลือเกิน และแต่ละตัวก็คงแค้นจนเกินบรรยาย และทุกวันนี้ คุณยายแก้วจะชดใช้หนี้กรรมหนักหนาสาหัสในนรกขุมไหนอยู่ก็มิอาจทราบได้ และวันเวลาในนรกนั้นยาวนานเหลือคณานับ พอหลุดพ้นจากนรก จะต้องมารับกรรมในชาติต่อๆไปอีกกี่ชาติก็ไม่ทราบเช่นกัน
นี่แหละน้า...กรรมทันตาเห็น ไปคิดว่าพวกเค้าเป็นอาหาร จะฆ่า จะทรมานยังไงก็ได้ ทุกวันนี้ผมยังนึกอยู่เลยครับว่า พวกที่ทำอาชีพฆ่าสัตว์ทุกวี่ทุกวัน กรรมของพวกเค้าจะหนักหนาปานใดกัน ทำไมไม่รู้จักบุญบาปกันบ้างนึกแล้วหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
credit--เทพนักรบ