13.9.12
ทำอย่างไรเมื่ออกหัก
- ประการแรก อาตมาจะบอกเขาว่า ไม่ต้องอยากตายหรอก เพราะความตายเป็นของได้เปล่าเกิดมาแล้วไม่เร็วไม่ช้าก็ต้องตาย ตั้งแต่เกิดมาอาตมายังไม่เคยเห็นใครที่ไม่ตาย เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเหนื่อยออกแรง ไม่ต้องพยายาม เดี๋ยวตายเอง
- ประการที่สอง ให้ลองอยู่ต่อไปสักระยะอย่างน้อยที่สุดสักสามเดือน แล้วจะเห็นถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ความรักเป็นอารมณ์ ภาษาพระเรียกว่าเวทนา นาทีทีคนรักจากคุณไป คุณอาจรู้สึกทุกข์จนแทบตาย ความทุกข์อยู่ในกฎไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้นในเบื้องต้น ดำรงอยู่ชั่วคราว แล้วแตกดับไป ฉะนั้น ความทุกข์ก็ดี ความสุขก็ดีไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ตอนทุกข์แทบตายถ้าคุณรออีกสักพัก ทุกข์ก็จะหายกลายเป็นสุข สุขๆทุกข์ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามาในชีวิตของเราตลอดเวลา
ฉะนั้น ถ้าทุกข์ที่สุดแล้ว ไม่ฆ่าตัวตาย โดยไม่รู้ว่าอีกสักแป๊บทุกข์ก็จะพลิกเป็นสุขอยู่แล้ว คุณเสียค่าโง่ให้ความทุกข์ไปแล้ว ให้รอสักพัก จะสามเดือน ห้าเดือน เจ็ดเดือนหรือหนึ่งปี แล้ววันหนึ่งคุณจะหัวเราะเยาะตัวเองว่า ถ้าวันนั้นเราตายไป เราก็โง่ที่สุดแท้ที่จริงไม่มีความทุกข์ชนิดไหนที่มนุษย์ทนไม่ได้หรอก ที่ดูเหมือนว่าทนไม่ได้ก็เพราะเรารู้ไม่เท่าทันกติกาของความทุกข์ต่างหาก จำไว้ความทุกข์ไม่เคยฆ่าเรา มี่แต่เราฆ่าตัวเราเอง
** จิตของคนเรากว่าจะวิวัฒนาการขึ้นเป็นมนุษย์นั้น ใช้เวลายาวนานมาก พระพุทธเจ้าเคยเปรียบเอาไว้ว่า เสมือนมีทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ลึกลงไปใต้ทะเล มีเต่าตาบอดอยู่หนึ่งตัวร้อยปี มันจะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำทีหนึ่ง แล้วเอาหัวสวมเข้ากับห่วงยางที่ลอยฟ่องอยู่เหนือผิวน้ำพอดี กว่าที่เหตุบังเอิญเช่นนี้จะมาประจวบเหมาะ กินเวลายาวนานเกินกว่ามนุษย์จะนับได้ ภาษาพระเรียกว่า อสงไขยกัป วันเวลาเช่นนี้ว่ายาวนานแล้ว แต่กว่าที่จิตดวงหนึ่ง จะวิวัฒนาการขึ้นเป็นมนุษย์ยาวนานกว่านับแสนล้านชาติพบ
** เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วยังมาฆ่าตัวเองให้แตกดับ เท่ากับว่าคุณปฏิเสธจิตแห่งความเป็นมนุษย์ของคุณ จิตดวงนี้ก็จะตกต่ำดำมืดลงไป กว่าจะวิวัฒนาการกลับมาได้อัตภาพเป็นคนอีกครั้งก็กินระยะเวลานาน การฆ่าตัวตายจึงเป็นบาปมหันต์ที่สุด
ผู้ถาม : ถ้าเขาบอกว่าพยายามแล้วแต่การลืมหรือการตัดใจจากคนที่เคยรักทำได้ยากเหลือเกิน
ท่าน ว.วชิรเมธี : อาตมาอยากจะบอกว่าจริงๆ คนที่เขารักคุณ แล้ววันหนึ่งทิ้งคุณไปมีคนอื่นนั้น เขาไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่เขาไปจากคุณ คุณต่างหากที่ไม่ปล่อย การที่ใครคนใดคนหนึ่งทำให้เราเป็นทุกข์ ก็เพราะเราไปให้ราคาเขามากเกินไป แค่เราเลิกให้ราคา เขาก็ไม่สามารถทำให้เราทุกข์ได้อีกต่อไป สุขหรือทุกข์แท้จริงอยู่ที่การประเมิณค่าของเรา พูดง่ายๆ ถ้าไม่อยากให้เขามาทำให้ทุกข์แค่ปล่อยวางคุณก็ลอยแล้ว
แต่ปัญหาคือ คุณปล่อยลงปลงเป็นหรือเปล่า ถ้าปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ อย่างดีที่สุด ธรรมะก็แค่บอกให้คุณได้รู้เอาไว้ว่า ความหนักอึ้งที่คุณแบกอยู่ มันอยู่ที่คุณเอง ถ้าไม่อยากแบกก็ปล่อย แต่ถ้าไม่ปล่อยก็อย่ามาบ่นว่าหนัก ฉะนั้น พระมีหน้าที่เอาสัจธรรมมาวางให้คุณดู เมื่อคุณรู้แล้ว คุณจะมีท่าทีต่อสัจธรรมนั้นอย่างไรก็เป็นเรื่องของคุณ ถ้าคุณทำตามที่พระท่านบอกก็เบา ถ้าไม่ทำตามก็หนัก เป็นเรื่องธรรมดา พระไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการชี้ให้ดูว่า นี่คือ เรื่องที่ดี ส่วนการเลือกสิ่งที่ดี หรือไม่ดี อยู่ทีวิจารณญาณของคุณเอง
-
พระท่านว่า ''สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ'' แปลว่า ข้าพเจ้าของดเว้นจากการดื่มสุราเมร...
-
๑. อันธพาลปุถุชน - ผู้ที่ทำ พูด คิด ตามสัญชาตญาณอย่างสัตว์ ไม่รู้จักควบคุมตัวเอง - การกระทำการต่าง ๆ ไปตามอำนาจของ โลภ โกรธ หลง ๒. พาลปุถุ...
-
วิธีการลาพุทธภูมิ ..........การลาพุทธภูมิเป็นวิธีการสำหรับท่านผู้ที่เคยปรารถนาพุทธภูมิในแบบต่างๆ เช่น ปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยะธิกะ...
-
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นโทษไม่รู้จบ การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องตกอยู่ในวงจรนี้อย่ า...
-
กรรมปวดหลัง อาจเป็นกรรมที่เกิดจากเคยตีหลังหมา หรือ ตีตะขาบกลางหลัง เป็นต้น วิธีแก้กรรม ก่อนใส่บาตรให้จุดธูป ๓ ดอก ขอขมากร...
-
ภาพแห่งพระมหาเถระผู้เฒ่า พูดจาเสียงดังฟังชัด ออกกิริยาท่าทางไร้มารยา นัยน์ตามีแววมุ่งมั่นรูปหนึ่ง ซึ่งทุกคนเรียกติดปากว่า “...