การเจริญสมาธิ ที่เราทำกันอยู่ คือ
ความพยายามกำหนดจิตที่กาย เดิน ยืน นั่ง นอน
พยายามเอาใจที่สงบมาดูกาย เช้า เย็น
เราสวดมนต์พิจารณากาย....อาการ 32 ที่เราสวดกัน
อันนี้เป็นการเจริญสติ เจริญสมาธิ เจริญปัญญา
เมื่อใจเราสงบแล้ว ต่อไปนี้ให้นึกถึงตั้งแต่.....ผม
ผมบนศีรษะเรานี่แหละ....
พยายามจับโดยกำหนดจิตที่ศีรษะ
แล้ว ภาวนา เกสา เกสา....
หรือกำหนดที่ ขน เล็บ ฟัน หนัง
หรือจะนึกถึงกระดูกข้างในก็ได้ นึกถึงกระดูก
เวลานั่งให้พยายามน้อมจิตเข้าไปในกาย
แล้วนึกถึงกระดูกตัวเอง
อาจจะเกิดมีความรู้สึกแปลกๆขึ้นมา
อาตมาบอกตั้งแต่ตนแล้วว่า การศึกษาธรรมคือ
การศึกษาตัวเอง ที่นี้เรากำลังจะพูดถึงการศึกษากาย
ศึกษากายเป็นอย่างไร ก็คือการศึกษาตัวเองเหมือนกัน
คือการพยายามเอาจิตที่สงบพอสมควร สงบเป็นศีล ไม่ฟุ้งซ่าน สงบธรรมดานี่แหละ
มากำหนดกายส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น กระดูก เป็นต้น
ให้นึกถึงกายในกายทุกอิริยบท ยืน เดิน นั่ง นอน
นึกถึงกระดูก กระดูกเป็นต้น
เป็นวิธีิเจริญสมาธิ มีสติ มีสมาธิ
ใ้ห้เราพยายามปฏิบัติอยู่อย่างนั้น
พยายามเข้าใจตามความเป็นจริง
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา พยายามสังเกตว่า เราทำอะไรกับกายนี้บ้าง ที่แรกไปใหน ต้องสังเกต
ที่แรกไปห้องน้ำ ให้ถามตัวเองว่า เราไปทำไม ไปเืพื่ออะไร ไม่ไปเป็นอย่างไร อะไรออกมาจากร่างกาย ร่างกายของเราเป็นอย่างไร จะทำให้เกิดปัญญา เมื่อไปล้างหน้่า สีฟัน ให้พิจารณาก่อนว่า เรากำลังจะทำอะไร
อ้อ...เรากำลังจะสีฟัน ไม่สีฟันเป็นอย่างไร พิจารณาดู
จะเห็นว่าร่างกายมีลักษณะอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ คือ สกปรก เป็น ปฏิกูล เวลาเหงื่อออก เสื้อผ้าเป็นอย่างไร พิจารณาดู ชุดขาว ก่อนจะมาที่นี้ เราซักมาขาวสะอาด
พอเรานุ่งอยู่ 2วัน ผ้าขาวจะเริ่มสกปรก
อันนี้คือความเป็นจริงของร่างกาย
ผ้าขาวสกปรกไปตามที่ร่างกายสกปรก
ให้ค่อยๆสังเกต ศึกษาลักษณะอย่างนี้ จึงจะเข้าใจมากขึ้นๆ ตามความเป็นจริง
ว่ากายมีลักษณะเป็นอย่างนี้ เป็นปฎิกูล เป็นของเน่าเปื่อยอยู่ เป็นนิจ เรียกว่า อสุภะ
ไม่สวย ไม่งาม สกปรก...นี่เป็นความจริง....
เราไม่ต้องเชื่อใคร ไม่ต้องเชื่ออาจารย์
เราศึกษากายของเราเอง ดังนี้
*************************
คำสอน พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
ที่มา--หนังสือทุกข์เพราะคิดผิด