30.10.16

How.....

หวั่นไหว!

คำพ่อสอน

คำพ่อสอน

อคติ 4

สิ่งดีๆ

อย่าเปรียบเทียบ

อภัยทาน

ศีลห้า

ไม่มี

ประชาธิปไตย


28.10.16

ธรรมะวันนี้

ครูบาอาจารย์สอนหลวงพ่อมา
หลวงปู่ดูลย์สอนว่า
"พบผู้รู้ ทำลายผู้รู้ พบจิตทำลายจิต
จึงจะถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง"
เราฟังแล้วไม่เข้าใจหรอก ทำลายอย่างไร
หลวงพ่อพุธ ท่านสอน
"จิตผู้รู้เหมือนฟองไข่ เมื่อลูกไก่เติบ
โตเต็มที่
มันจะเจาะทำลายเปลือกออกมาเอง"
ท่านสอน บอกมันเหมือนลูกไก่ อยู่ในไข่
ลูกไก่โตเต็มที่ มันเจาะเปลือกออ
กมาเอง
มันทำลายผู้รู้เอง
ทีนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ลูกไก่จะเติบโต
ทำไมลูกไก่ถึงโต อะไรอย่างนี้ ไม่รู้
มันรู้อย่างเดียวว่า จิตนี้ยังขาดอะไ
รบางอย่าง
จิตไม่รู้อะไรบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถทำลายผู้รู้ได้
วันหนึ่งเข้าใจขึ้นมา มันไม่รู้อริยสัจ
นี่ หลวงพ่อสอนแบบเทย่ามให้นะ
จำไว้ก่อน เหมือนหลวงปู่ดู
ลย์สอนหลวงพ่อ จำไว้นะ
เพราะว่าถ้าไม่มีคนบอกให้เราเนี่ย
เราเดินด้วยตัวเองนี่ยากแสนเข็ญเลย
บารมีเราไม่พอที่จะไปด้วยตัวเองได้
อาศัยร่องรอยที่ครูบาอาจารย์ทิ้งไว้ให้ ก็เดินได้
เราไม่เก่งอย่างหลวงปู่มั่นนะ หลวงปู่มั่นท่านคลำทางเอา
ท่านก็อ่านหนังสือเหมือนกัน อ่านปริยัติเหมือนกัน
ไปดูในพิพิธภัณฑ์ท่าน ที่ จ.สกลนคร
ก็เห็นมีหนังสือปริยัติอยู่หลายเล่ม
ท่านคลำทาง เจอทาง
เสร็จแล้วท่านก็สอนหลวงปู่ดูลย์ให้ดูจิต
หลวงปู่ดูลย์ดูแล้ว ท่านก็บอกต่อให้
หลวงพ่อมาอีกที
หลวงพ่อก็บอกต่อพวกเราไป
วันใดรู้แจ้งอริยสัจ วันนั้นวัฏฏะจะถ
ล่มลงไปต่อหน้าต่อตา
สังสารวัฏจะถล่มลงไป เมื่อรู้แจ้งอริยสัจ
รู้แจ้งอริยสัจนี่ รู้ทุกข์อันเดีย
วนี่แหละพอเลย
อะไรเป็นทุกข์ รูปธรรม นามธรรม คือทุกข์
ถ้าเห็นถึงขนาดนั้น รูปนี้คือตัวทุกข์
นามนี้คือตัวทุกข์ จิตนี้คือตัวทุกข์
ตัวที่เห็นยากที่สุด คือ จิต
ถ้าเห็นว่าจิตเป็นตัวทุกข์ วัฏฏะถล่มลงตรงนั้นเลย
พวกเราไม่เห็นหรอก พวกเราเห็นว่าจิ
ตนี้เป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง
รู้สึกไหม ยังมีทางเลือก มีสุขกับทุกข์ ปัญญาไม่แจ้งพอ
ถ้าปัญญาแจ้งพอ จะรู้ เหมือนอย่างหลวงปู่เทสก์ก็เคยสอ
นหลวงพ่อ
"นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรตั้งอยู่
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับไป"
ประโยคของหลวงปู่เทสก์สอนนี่นะใ
นพระไตรปิฎกมี
หลวงปู่จะอ่าน(พระไตรปิฎก)หรือเปล่าไม่รู้นะ
แต่หลวงปู่รู้ธรรมตรงนี้ ท่านภาวนา
ท่านจะเรียนปริยัติ เรียนพระไตรปิฎก
หรือเปล่า ไม่รู้
แต่สิ่งที่ท่านสอนตรงกันกับพระไตรปิฎก
นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป
พอรู้ตรงนี้เท่านั้นเอง จิตมันสลัดคืนรู
ปคืนนามให้โลกไป
ท่านบอก "สิ้นโลก" รูปนามนั้นคือตั
วโลก
ท่านบอกสิ้นโลก แล้วเหลืออะไร เหลือธรรมอยู่ เหลือนิพพาน
เพราะฉะนั้น วางรูปนามลงไปแล
้วเห็นนิพพาน
ท่านแต่งหนังสือเรื่องหนึ่งนะ "สิ้นโลก เหลือธรรม" ใครเคยอ่านไหม
ตอนนั้น หนังสือนั้นท่านเพิ่งเขียนใหม่ หลวงพ่อไปวัดพอดี
คนเขาก็บอก เนี่ย ท่านเขียนใหม่ ตื่นเต้นกันใหญ่
เอามาอ่าน ในนั้นมีเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งนั้นแหละ
ไม่มีอย่างอื่นเลย
ฟังแล้วมันดูลึกซึ้งนะ สิ้นโลก เหลือธรรม
ทำไมมีแต่ศีล สมาธิ ปัญญา
(ก็ต้อง)อาศัย ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขานั่นแหละ
มันจึงสิ้นโลกได้
จึงวางรูปวางนามได้ เข้าถึงธรรมะแท้
ๆ ถึงพระนิพพาน
ครูบาอาจารย์สอน สำนวนโวหารไม่เหมือนกัน
หลวงปู่เทสก์ "นอกจากทุกข์ไม่
มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่มีอะไรตั้งอยู่ ไม่มีอะไรดับไป" สอนสิ้นโลกเหลือธรรม
หลวงปู่ดูลย์สอน "พบผู้รู้ ทำลายผู้รู้ พบจิตทำลายจิต
จึงจะถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง"
เหมือนคนละเรื่องเลย ที่แท้พูดเรื่องเดียวกัน
สำนวนนี่ไม่เหมือนกันเลย ต้องฝึกเอา ค่อยคลำไป
ดูซิ สิ้นโลกแล้วจะเหลือธรรมจริงไหม
หรือสิ้นโลกนี้ ก็ไปเจอโลกหน้า
พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ (591015)
(ตรวจทาน : อ.สรวและทีมงาน)

การสวดมนต์

หัด!

อย่า!

คำสอนของพ่อ

ไม่มี...

คำพ่อสอน

ค่าของคน


26.10.16

"แทนคุณ หรือ ทวงคืน"

อ่านแล้วเห็นวัฏฏะสงสารเลย
"แทนคุณ หรือ ทวงคืน"
คัมภีร์กฎแห่งกรรม 3 ชาติ ได้บันทึกไว้ว่า
“สามีภรรยา " มีกรรมร่วมกันมา ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ถ้าไม่มีกรรม ร่วมกันมา ก็ไม่อาจอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันได้
" บุตรธิดา " คือ หนี้ ไม่ว่าจะเป็นทวงหนี้ หรือชดใช้หนี้ ไม่มีหนี้ ไม่มาเกิดเป็น พ่อ แม่ ลูกกัน”
ดังนั้น สามีภรรยา ที่มีกรรมดีร่วมกันมา ย่อมสมานสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร
ส่วนสามีภรรยา ที่มีกรรมชั่ว ร่วมกัน มาแต่อดีตชาติ ย่อม ทะเลาะเบาะแว้ง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่อาจอยู่ร่วมกัน จนวันตาย
ส่วน " บุตรธิดา " ที่มาทวงหนี้ เป็นลูกที่ไม่เอาไหน เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจไม่ วายเว้น
" บุตรธิดา " ที่มาใช้หนี้ จะสำรวมระวัง รู้คุณทดแทนคุณ ไม่กล้า ทำให้พ่อแม่ ชอกช้ำใจ
ชาวโลก ทุกคน เกิดมาต่างหนีไม่พ้น พบ พราก สุข ทุกข์ เศร้า อภัย แค้น รัก ชัง นี่คือผลแห่งของกรรม
ปลูกเหตุเช่นไร ย่อมได้ลิ้มผลเช่นนั้น ไม่ว่าจะเหตุใด หรือ ผลใด ล้วนหนีไม่พ้น กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น
1. มาแทนคุณ ด้วยบุญในอดีต ที่ได้สั่งสมร่วมกันมา ด้วยพระคุณที่มีต่อกัน จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกกตัญญู”
เขามาเพื่อที่จะทดแทนคุณ เป็นเด็กดี ฉลาด เชื่อฟัง เขาเหล่านี้ไม่มีทาง จะทำอะไรเสียหาย ให้พ่อแม่ต้อง กลัดกลุ้มกังวลใจ
2. มาล้างแค้น ด้วยกรรมในอดีต ที่ได้สร้างร่วมกันมา จึงได้มาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานกัน
เมื่อเติบใหญ่ก็จะกลายเป็นลูกล้างผลาญ ทำให้ครอบครัวล่มสลาย เราเรียกบุตรธิดาเหล่านี้ว่า “ลูกทรพี”
เขามาล้างแค้น ดังนั้น อย่าได้ผูกเวรไว้กับเขา เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ภายนอก ยังพอป้องกันได้ แต่นี่เกิดมาเป็นลูกหลานในบ้านใน ตระกูลแล้ว จะทำอย่างไรดี
ดังนั้น อย่าทำร้ายใคร อย่าฆ่าแกงกัน เพราะต่างคนต่างก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน
3. มาทวงหนี้ ชาติก่อนหนหลัง พ่อแม่เป็นหนี้ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน
หนี้ที่ว่าคือ หนี้เงิน ไม่ใช่หนี้ชีวิต เขาจึงเกิดมาเพื่อทวงหนี้คืน
หากเป็นหนี้กันน้อย เกิดมาให้ดูแลปีสองปีเขาก็ตาย เราเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ เมื่อใช้หมด เขาก็ไป ต่อให้คุณรักเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยใส่ใจคุณ หากเป็นหนี้เขาเยอะ เลี้ยงจนเติบใหญ่ จบมหาวิทยาลัย เรียนจบวันนั้น ก็ตายวันนั้น เขาไม่อยู่รับใช้เรา เพราะมาทวงหนี้ หนี้หมดก็จากไป
4. มาใช้หนี้ชาติก่อนหนหลัง เขาเป็นหนี้พ่อแม่ไว้ ไม่ได้ชดใช้คืน
เมื่อเขาเกิดมาในชาตินี้ จึงต้องทำงาน หาเงิน เหน็ดเหนื่อย เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็อยู่ที่ว่า เป็นหนี้พ่อแม่มาก น้อยเพียงใด หากเป็นหนี้มาก ก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นอย่างดี หากเป็นหนี้พ่อแม่น้อย ก็เลี้ยงดูตามอัตภาพ เหมือนที่เราเคยพบเห็น เลี้ยงพ่อแม่ประหนึ่งคนรับใช้ในบ้าน เพราะอะไร เพราะมาใช้หนี้กรรม ลูกประเภทนี้ แม้จะเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ก็หล่อเลี้ยงแค่กาย ไม่หล่อเลี้ยงจิตใจ เลี้ยงดูโดยปราศจากความเคารพ และความกตัญญู ซึ่งต่างจากบุตรที่เกิดมา เพื่อทดแทนคุณ ประเภทนี้ไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงกาย ยังหล่อเลี้ยง จิตใจบุพการี
ด้วยหลักธรรมในข้อนี้ มิใช่เพียงแค่ลูกหลาน ยังรวมทั้งญาติพี่น้อง และคนรอบข้าง ทั้งหลาย ที่เราได้รู้จัก และเคยได้อยู่ร่วมกันมา หากแต่เป็นเพราะ กรรมที่ก่อกันมา หนักหนา หรือ เบาบาง
หากบุญคุณ ความแค้นหนักหนา ก็เกิดมาเป็นสามีภรรยา และลูกหลานพี่น้อง
หากบุญคุณ และความแค้นเบาบาง ก็เกิดมาเป็นญาติสนิทมิตรสหาย
คุณเดินซื้อของในตลาด อยู่ๆคนแปลกหน้า ก็มายิ้มให้คุณและ คุณก็ยิ้มตอบ ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน แต่ถ้าคุณรู้สึก ขัดหูขัดตา แถมไม่พอใจ ยังถมึงตา ใส่ฝ่ายตรงข้ามอีก นี่ก็ล้วนเป็นบุญกรรม แต่ชาติปางก่อน เมื่อเข้าใจในกฏแห่งกรรม เหล่านี้ เราจะได้ไม่ผูกกรรมด้านดำเพิ่ม แต่จงผูกกรรมด้านขาวซึ่งเป็นกรรมดีจะดีกว่า
แล้วจะแก้ไขอย่างไร หากเราและลูกหลานผูกกรรมที่ ไม่ดีต่อกันมา แต่ปางก่อนแล้ว
คำตอบก็คือ นำพาลูกหลานเข้าวัด หมั่นบำเพ็ญปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม
เมื่อต่างฝ่ายต่างศึกษาธรรม ย่อมแปรกรรมร้าย ให้กลายเป็นกรรมดีได้ ย่อมคลายความจองจำ คับแค้นให้สลายคลายลงได้ เช่นนี้ที่เราเรียกว่า
ธรรมะ
"เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต เปลี่ยนร้าย กลายเป็นดี”........ สาธุ…

การทะเลาะกัน


อย่าสำคัญตน

อย่าสำคัญตน