13.11.17

เรื่องเศร้าของแม่คนนึง


เรื่องจริงที่ต้องเล่า。
ที่ไต้หวันมีแม่หม้ายอยู่คนหนึ่งชั่วชีวิต ยึดอาชีพครูเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ลูกคนนี้เมื่อเมื่อยังเล็กเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แม่ได้เลี้ยงดูสั่งสอนจนเป็นหนุ่มฺ หลังจากนั้นก็ได้ส่งลูกศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อลูกชายจบการศึกษาที่อเมริกาหลังจากนั้น ได้การงานที่ดีมีเงินซื้อบ้านแล้วก็แต่งงานจนมีบุตร1คนมีความเป็นอยู่ที่สบายเป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุด。ส่วนผู้เป็นแม่อยู่ที่ไต้หวันคนเดียวโดดเดี่ยวก็ได้ตรึกตรองกับตนเองว่าเมื่อหลังกเษียณถ้าได้ไปอยู่กับลูกที่อเมริกาชีวิตบั้นปลายคงจะมีความสุขไม่น้อยคิดแล้วก่อนจะเกษียณ3เดือนก็ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงลูกชายที่อเมริกา ได้เล่าความในใจที่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับลูกที่อเมริกา!เพื่อนๆรู้คงจะอิจฉาคิดแล้วในใจมีแต่ความสุข! ขณะเดียวกันก็ได้จัดการทรัพย์สินการงานที่ไต้หวันเพื่อจะได้ไปอยู่อเมริกากับลูกชาย
      ก่อนจะเกษียณไม่นานก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากลูกชายที่อเมริกา เมื่อเปิดซองจดหมายออกสิ่งแรกที่ได้เห็นคือตั๋วเงิน30,000เหรียญครั้งแรกที่เห็นรู้สึกแปลกใจที่ลูกชายส่งตั๋วเงินมาให้ เพราะตั้งแต่ลูกชายอยู่อเมริกาไม่เคยสักครั้งที่ส่งเงินมาให้ให้แม่แม้แต่เหรียญเดียว!ด้วยความสงสัยก็รีบเปิดจดหมายออกอ่าน?หัวใจแทบสลายไม่คิดว่าจะได้รับขอความที่บาดใจจากลูกชาย!ความหวังทั้งหมดได้ล่มสลายเพียงคำพูดไม่กี่ประโยคของลูกชายที่ว่า:
    แม่ครับผมและภรรยาได้ปรึกษากันแล้วว่าถ้าแม่จะมาอยู่อเมริกากับผมและครอบครัวคงจะไม่เหมาะเพราะเราไม่ชอบถ้ามีคนอื่นมาอยู่ด้วย!ที่พูดมานี้ถ้าแม่ว่าลูกไม่กตัญญูไม่รู้บุญคุณแม่!แต่ผมก็ได้คำนวนแล้วว่าที่แม่ได้เลี้ยงดูลูกมาคงเสียเงินเสียทองไปไม่น้อยแต่คงไม่เกิน30,000เหรีญแต่ผมได้เติมให้ครบแล้วจากนี้แม่ก็ไม่ต้องเขียนจดหมายมาต่อความยาวให้ยืดเยื้ออีก。เมื่อแม่ได้อ่านจดหมายของลูกจบลงใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาดังสายฝน แล้วรำพึงรำพันกับตัวเองว่าเราคงจะต้องอยู่เป็นหม้ายอยู่อย่างอ้างว้างเดียวดายจนแก่เฒ่าเธอรู้สึกเจ็บปวดไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!แล้วหลังจากนั้นเธอก็ได้ศึกษาพระธรรมหลังจากได้ศึกษาธรรมะอยู่ช่วงเวลาหนึ่งก็ได้เขาถึงแก่นแท้ของจิตใจคนได้มองเห็นแสงสว่างข้างหน้า,เมื่อเธอคิดได้ดังนั้นก็นำเงิน30,000เหรียญที่ลูกให้มาเพื่อท่องไปโลกกว่างในระหว่างท่องเทียวไปที่ต่างๆทำให้ได้เห็นโลกอันกว้างใหญ่ที่สวยงามและผู้คนมากมาย!เมื่อหลังกลับจากการท่องเที่ยวแล้วก็ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงลูกชายที่อเมริกาในจดหมายนั้นมีความว่า:
    ลูกรักลูกบอกไม่ให้แม่เขียนจดหมายถึงลูกอีก!แต่จดหมายฉบับนี้ ให้ลูกคิดว่าเป็นจดหมายที่แม่เคยเขียนให้ลูกแต่ก่อน!....เมื่อแม่ได้รับตั๋วเงินจากลูกแล้วก็ได้นำเงินทั้งหมดท่องเที่ยวไปทั้วโลก,ขณะนั้นแม่รู้สึกว่าควรจะขอบใจลูกที่ทำให้แม่เข้าใจหูตาสว่างรู้จักปล่อยว่างมองเห็นทาสแท้ของคนรากฐานของจิตใจมิตรภาพและความรักของคน ว่าเป็นสิ่งเลื่อนลอยเอาแน่ไม่ได้ทุกสิ่งในโลกนี้ต้องเปลื่ยนไปตามกาลเวลา!ถ้าแม่มองไม่เห็นทางสว่างในใจมีแต่ความเคียดแค้น,เกียจชัง,เจ็บปวด,คงจะไม่มีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้แน่! หรือถ้าแม่คิดไม่ตกคงจะฆ่าตัวตายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับจดหมายลูกคงจะตายเป็นผีอย่างไม่เป็นธรรม! การที่ลูกตัดเยื่อใยความเป็นลูกกับแม่ทำให้แม่ได้เห็นแก่นแท้ของมนุษย์ที่ยังขาดความสมบูรณ์ของคุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรมยังทำให้แม่ได้เรียนรู้ถึงความสงบของจิตใจแม่ไม่วิตกกังวลที่ต้องอยู่คนเดียวเพราะ"แม่ไม่มีลูกอีกแล้ว" เพราะฉนั้นแม่จึงมีชีวิตอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข:
    จ้าวฝู่ชูได้กล่าวไว้ว่า。"บ้านของพ่อแม่คือบ้านของลูกๆ,แต่บ้านของลูกไม่ใช่บ้านของพ่อแม่。การให้กำเนิดลูกเป็นหน้าที่,การเลี้ยงลูก เป็นความผูกพัน,ผิดอย่างมหันต ์ถ้าคิดพึ่งลูก".
(อ่านจบ ส่งต่อเป็นวิทยาทาน น่าจะดี!)
สรุปส่งท้าย :

   ในฐานะพ่อแม่..เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ให้เขาเติบโตเป็นคนดีของสังคม แค่เขาไม่มารบกวนเรายามแก่เฒ่าก็ดีมากแล้วครับ ไม่ต้องถึงกับมาเลี้ยงดูเราหรอก หน้าที่ของเราควรจะจบลงเมื่อเขาเรียนจบและมีงานทำ ส่วนเขาจะทำหน้าที่ลูกหรือไม่นั้น ไม่ใช่เรื่องของเราเลย พ่อแม่ที่ดีต้องรักและให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ จากลูกทั้งสิ้น เมื่อคิดเสียอย่างนี้ ถึงเขาจะไม่เลี้ยงดูเรายามแก่ เราก็จะไม่เสียใจ ไม่หดหู่ ไม่เป็นทุกข์...อย่าเรียกร้องอะไรจากลูกเลย มันจะทำให้คุณค่าของการเป็นพ่อแม่ลดน้อยลง...สู้ปล่อยให้จิตสำนึกของเขาทำงานเองอย่างเป็นอิสระจะดีกว่าครับ

คนมีธรรม