19.10.18

เจตนาการบวชของฉัน – ตอนที่ ๑


Q เจตนาการบวชของฉัน – ตอนที่ ๑ Q

ลูกหลานทั้งที่รักทั้งหลาย วันนี้ลูกหลายคงจะแปลกใจ เพราะว่ามีทั้งการบวงสรวง มีทั้งการชุมนุมเทวดา แล้วมีการตั้งนะโม แต่ความจริงเรื่องของการบวงสรวง การชุมนุมเทวดาการตั้งนะโมนี่ ของฉันมีเป็นปกติ แต่งบางขณะที่ต้องการจะทำอะไรฉันอาจจะตั้งของฉันในใจ เอาจิตน้อมถึงบรรดาเทพเจ้าทั้งหลาย และมีพระพรหมทั้งหลาย พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกเป็นสำคัญ อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาของฉันนะ

แล้วลูกหลานทั้งหลายมีความแปลกใจ เพราะวันนี้มีการแถมตั้งนะโมให้ได้ยิน เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างนี้ก็เพราะว่า เมื่อวานนี้เมื่อฉันบันทึกเสียงเสร็จ ฉันก็ไปนอนใคร่ครวญตัวเองว่า ก่อนที่ฉันจะพูดเรื่องของหลวงพ่อปานนี่นะ ฉันก็มักจะเอาอะไรต่ออะไรมาเล่าตอนหน้าเสียก่อนเป็นการเปลืองเวลา มาวันนี้วันที่ ๒๐ ตั้งใจจะไม่มีอารัมภบท หมายความว่าจะไม่มีเรื่องพาดหน้าเรื่อง แต่มันก็ต้องมีเพราะอะไร เพราะว่าเมื่อคืนวันที่ ๑๙ ฉันนั่งพระกรรมฐาน วันนี้สึกจะซ้อมอารมณ์เดิม คิดว่าจะไม่เหาะละ จะไม่ทำอะไร ก็คว้ากสิณกองใดกองหนึ่งเข้ามาใช้

วันนี้สมาธิใช้ไม่ได้เลย จมไม่ลง ไอ้ที่จมไม่ลงไม่ใช่ว่าอารมณ์ของฉันเสีย เป็นอำนาจพระพุทธานุภาพที่ไม่ทรงอนุมัติ เรื่องของพระพุทธานุภาพนี่น่ะไม่มีอะไรจะไปขัดขวางท่านได้ พอทำอยู่ตั้ง ๒-๓ นาที ก็ปรากฏเสียงบอกว่า ฉันสั่งให้คุณระงับคุณก็จงอย่าลอง ไม่ต้องซ้อม กรรมฐานกองอื่นถมเถไป ๓๐ กอง ทำไมจึงไม่ซ้อมทำไมจึงต้องมาซ้อมกสิณ ไม่จำเป็นสำหรับคุณ

คุณน่ะไม่มีโอกาสที่จะพ้นคนเข้าไปอยู่ในป่าแล้วไปตายคนเดียวได้หรอก มันจะต้องตายอยู่กับคน ถ้าหากว่าคุณไปใช้กสิณเข้า ความเบื่อหน่ายของคุณมีอยู่มากแล้ว ดีไม่ดีคุณก็จะหนีเจ้าหนี้เข้าป่า จะเกิดประโยชน์อะไร ทำไปชำระหนี้เขาไป แล้วเราสร้างความดีชำระหนี้ให้หมด สิ่งใดควรจะเป็นกำรี้กำไรคือเป็นดอกเบี้ย ก็หาให้เจ้าหนี้เขา จะได้เป็นการชดเชยกับที่เราเอาของเขามาใช้ เราใช้เขามาก่อน เอาของเขามาใช้ก่อน เวลานี้เขาจึงใช้เราบ้าง เราก็ปล่อยเขาสิ ถ้าสิ่งใดที่มันไม่ขัดต่อพระรมวินัยเราก็ทำไป ถ้าสิ่งใดที่มันขัดต่อพระธรรมวินัยเราจงอย่าทำ ในเมื่อเราไม่ทำใครจะเป็นเจ้าหัวใจของเรา

ฟังแล้วก็สะดุ้ง พอฟังแล้วก็เลยต้องขอขมาท่าน ก็กราบเรียนท่านแต่เพียงบอกว่า ที่จะทำน่ะไม่ใช่อะไร คือกสิณเป็นกำลังสมาธิใหญ่ สร้างความสุขใจมาก อยากจะทรงพละในฝ่ายกสิณไว้เพื่อเป็นการรักษากำลังใจ ท่านก็บอกว่าไม่ได้ เมื่อแกทำกสิณเข้า แกก็ทำจบฌาน ๔ แล้วดีไม่ดีแกก็จะเปิดอีก นี่เมื่อวานนี้ถ้าฉันไม่ท้วงไว้นะ ดีไม่ดีแกก็ไปเชียงตุงเชียงรายแล้วไปหาเจ้าเพื่อน ๒ คน

นี่ท่านดักคอรู้มา แต่ความจริงถ้าหากว่าทำได้ก็น่ากลัวเหมือนกัน เวลานี้มันไม่ได้ทำเพราะเกรงใจท่าน เอ้า ! เรื่องนี้พับไป เมื่อท่านระงับแล้วฉันก็เลยจับอารมณ์วิปัสสนาญาณ ชำระใจพอสบาย เมื่อใจพอสบายแล้วฉันก็ไป “พระจุฬามณีเจดีสถาน” ขณะที่เคลื่อนขึ้นไปปรากฏว่าเห็นหลวงพ่อปานแล้วก็พระหลายท่านสวนลงมา เมื่อท่านสวนลงมาท่านก็เลยบอกว่า เธอจะไปไหนก็ไป พวกที่นั่งพระกรรมฐานนี่ฉันคุมเอง ก็ดีใจยกมือนมัสการท่านแล้วก็ไป


อ้างอิง – หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๖๒ หน้า๒๙-๓๐ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง


คนมีธรรม