Q เจตนาการบวชของฉัน – ตอนที่ ๑๐ Q
ลูกหลานฟังให้ดีนะ ฟังให้ดี วิธีนี้น่ะมันเป็นวิธีทำคนให้มีกำลังใจ แต่ก็เป็นความดีที่เขาทำได้ด้วย หลวงพ่อสุ่นมีวาทะสละสลวยเหลือเกิน หลวงพ่อปานบอกว่า หลวงพ่อสุ่นน่ะเสียงกังวาน ไพเราะ เสียงชัด ฟังชัดมาก แล้วลีลาการพูดของท่านจับใจ ท่านเลยตอบว่า ...ปานเอ้ย ..กสิณน้ำนี่มีประโยชน์มาก ถ้าเวลาคนไข้เขามีความร้อนจัด ที่เขาร้อน เขากลุ้มจัดน่ะ เราก็เอากสิณน้ำนี่แหละเพ่งเข้าไป ให้มันเข้าไปอยู่ในร่างกาย ชโลมกายเขาไว้ เขาจะมีความเยือกเย็น นี่เราเป็นหมอมันต้องมีวิชาอย่างนี้ช่วยคนไข้นะ... ไม่อย่างนั้นมันก็แย่สิ คนไข้มันถูกทรมานกันแย่ แล้วเวลาอากาศร้อนๆ ถ้าเราอยู่ที่ไหนเราร้อนมาก ที่เราไม่มีพัดลมกับเขา สมัยนั้นไม่มีเครื่องปรับอากาศ ถึงมีคงไม่ได้ใช้เพราะไฟฟ้าไม่มี เราไม่มีพัดลมกะเขา เราก็ใช้กสิณน้ำนี่ช่วยบันดาลอากาศเฉพาะที่เราให้มันเย็น
อย่าไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้านเขานา เขาจะหาว่าเธออวดอุตริมนุสธรรม ชาวบ้านน่ะย่อมไม่ค่อยจะมองในแง่ของความดี แม้แต่พระก็เหมือนกัน พระที่เขาไม่เอาดีน่ะ ถ้าพวกเรามีดีเขาก็มักจะกดขี่พวกเรา เขาจะหาว่าพวกเรานี้ทำผิดพระวินัย อวดชาวบ้าน เอาสิ่งที่ไม่จริงมาอวดชาวบ้าน ข้อนี้ลูกปานจงจำไว้ แล้วนอกจากนี้กสิณน้ำนี่น่ะ ถ้าที่ไหนไม่มีน้ำเราต้องการให้มีน้ำก็ได้ ถ้าของอะไรมันแข็งเกินไปเราต้องการให้อ่อนก็อ่อนได้ อย่างเหล็กหรือหิน เหล็กมันเข็งท่านก็หยิบเหล็กขึ้นมาว่า เหล็กนี่มันแข็งใช่ไหม หลวงพ่อปานก็บอกว่าใช่ นี่เราจะทำเหล็กนี่ให้อ่อนก็ได้ แล้วท่านก็ส่งเหล็กให้หลวงพ่อปาน เหล็กอ่อนเหมือนขี้ผึ้ง หลวงพ่อปานถามว่าทำยังไง ท่านก็บอกว่าไม่ยากหรอกลูก เวลาหยิบเหล็กขึ้นมาเราก็อธิษฐานว่าขอเหล็กนี้จงอ่อน จะอ่อนขนาดไหนก็ได้ แล้วก็เอาจิตจับภาพนิมิตของกสิณ แล้วก็คลายมานะแล้วก็อธิษฐานอีกทีว่า เหล็กจงอ่อน แล้วเหล็กมันก็อ่อน จะเป็นหินเป็นดินก็เหมือนกัน
แผ่นดินที่ไหนก็ตามที่มันไม่มีน้ำ เราต้องการให้มีน้ำก็ได้ หรือว่าอากาศมันแล้งต้องการให้ฝนมันตก จะตกตรงนี้ จะตกทั่วโลก จะตกเฉพาะที่ใด จะมากน้อยเท่าไรเราก็ทำได้ตามความประสงค์ นี่เป็นเรื่องของอาโปกสิณ กสิณน้ำนะลูกนะ เราเป็นหมอมีความจำเป็น แต่สิ่งเหล่านี้ถ้านอกเหนือจากความเป็นหมอก็ช่างเถอะ ถ้าอากาศมันร้อนจัดๆ คนไข้ไม่สบายอยู่แล้วมีอากาศร้อนกลุ้มมากหลายๆคน เราก็ทำอากาศภายในวัดของเราให้เยือกเย็น ให้เย็นพอ คนไข้สบาย เท่านี้เราก็ทำได้เป็นการสงเคราะห์บุคคลให้มีความสุข ถ้าเราให้ความสุขแก่เขาได้ ความสุขมันก็เกิดแก่เรา นี่มันย่อมสนองกัน ถ้าเราด่าเขาเขาก็ด่าเรา เราไหว้เขาเขาก็ไหว้เรา ผลมันตอบสนองอย่างนี้นะ ลูกปานนะ
ตอนนี้หลวงพ่อปานท่านบวชแล้วนะ ลืมบอกไป เวลาหลวงพ่อปานบวชน่ะ มีหลวงพ่อปั้นวัดพิกุล มาเป็นคู่สวด หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ เป็นอุปัชฌาย์ แล้วคู่สวดอีกคนไม่ทราบว่าเป็นใคร ไม่ได้ถามท่าน จะเป็นหลวงพ่อจ้อย วัดบ้านแพน หรือยังไงไม่ทราบ องค์นี้เก่งไม่น้อย สององค์ที่ว่านี่เก่งขนาดหนักเหมือนกัน เรียกว่าหลวงพ่อสุ่นท่านคัดเอาพระแบบฉบับของท่านมาคู่กับท่าน ถ้าไม่ค่อยจะเหมือนกันท่านไม่ค่อยเอา หลวงพ่อปานก็เหมือนกัน พระนอกรีตนอกรอยนี่ท่านไม่ค่อยเอาด้วยเหมือนกัน ท่านผ่านไปผ่านมาเสีย ตอนนี้ท่านถามหลวงพ่อปาน บอก ปาน...อยากจะดูฝนตกไหมลูก... หลวงพ่อปานบอกว่าอยากดู อยากดูน้ำเกิดในแผ่นดินไหม หลวงพ่อปานก็บอกว่าอยากดู ออกไปลานวัดด้วยกันก็พากันไปที่ป่าช้า พอพากันไปถึงป่านช้าแล้ว หลวงพ่อสุ่นก็บอกตรงนี้มันแห้งนะ เดี๋ยวพ่อจะทำให้มีน้ำ พอท่านชี้ลงเท่านั้นตรงนั้นปรากฏว่ามีน้ำท่วมขึ้นมาทันที แล้วหลวงพ่อสุ่นท่านบอก ..ประเดี๋ยวพ่อจะให้ฝนตกตรงนี้ วัดพื้นที่กว้าง ๒ ว่า ยาว ๒ ว่า ฝนจะตกเฉพาะตรงนั้น พอท่านบอกแล้วแล้วก็แหงนขึ้นไปบนอากาศ แล้วก็ก้มหน้า ท่านี้ฝนตกเลย...
อ้างอิง – หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๖๒ หน้า๔๔-๔๖ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
Cr...Ploy Ploma