2.12.10

ความสุข...

ทุกคนในโลกต้องการสิ่งเดียวกันคือ ความสุข
แต่น้อยคนที่สนใจศึกษาเรื่องความสุขอย่างละเอียด
ส่วนมากเรามักจะเชื่อกิเลสตัวเอง หรือค่านิยมของสังคม
ว่าสุขที่ต้องการนั้นเป็นอย่างไร
ทุกวันนี้คนเราชอบสับสนระหว่างความสุขและความตื่นเต้น
สิ่งใดกระตุ้นความรู้สึกได้มากก็ถือว่าสิ่งนั้นนำความสุขมาให้
แต่ความสุขนั้นยังร้อนอยู่ ความสุขทางเนื้อหนังนั้นยิ่งเข้มข้น
ก็ยิ่งชวนให้เราติด ติดแล้วอาจจะเป็นเหตุให้เบียดเบียนคนอื่น
หรือทำอะไรผิดกฎหมายเพื่อจะให้ได้มา
อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง

ความสุขที่ขึ้นอยู่กับสิ่งนอกตัวเรา
ไม่สามารถระงับความพร่องอยู่ในใจของมนุษย์ได้
อย่างมากก็ได้แค่กลบเกลื่อนชั่วคราว
ความสุขที่ได้จากรูป เสียง กลิ่น รส และการสัมผัสทางกายนั้น
นับว่าคับแคบและไม่ไปไหน คือ กี่ปีกี่ปีก็เหมือนเดิม
กี่ภพกี่ชาติก็แค่นั้นแหละ
อายุเรามากขึ้น สุขภาพร่างกายอ่อนโรยลง มีโรคประจำตัวเพิ่มมากขึ้น
โอกาสจะได้ความสุขจากสิ่งนอกตัวก็น้อยลง
สุดท้ายน่ากลัวจะเหมือนนกกระเรียนแก่
ซบเซาอยู่ที่เปลือกตมไร้ปลา ดังที่กล่าวไว้ในธรรมบท

พระพุทธองค์ ให้เราเห็นว่าการช่วยคนอื่น
การดำเนินชีวิตภายในกรอบของศีล
การขัดเกลานิสัย การฝึกสมาธิ และการพัฒนา ปัญญา
เป็นทางไปสู่ความสุขที่แน่กว่า และมีจุดเด่น

ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ ตรัสว่ามีธรรม ๖ ข้อ
ซึ่งทำให้เราอยู่ในปัจจุบันอย่างมีความสุขมาก
และยังเป็นเหตุเป็นปัจจัย
เพื่อการสิ้นไปแห่งกิเลสในอนาคตข้างหน้า
อย่างนี้ฝรั่งเรียกว่า win-win situation
คือ ได้ความสุขในปัจจุบันด้วย
แถมยังได้เจริญในอริยมรรคไปด้วยพร้อมกัน

ธรรม ๖ ข้อคือ

• เป็นผู้ยินดีในธรรม
• เป็นผู้ยินดีในการภาวนา
• เป็นผู้ยินดีในการละ
• เป็นผู้ยินดีในความวิเวก
• เป็นผู้ยินดีในความไม่พยาบาท
• เป็นผู้ยินดีในความไม่ปรุงแต่ง
*************
ที่มา---Nichapa Taworn/fb.com

No comments:

Post a Comment

การให้อภัย