หากเปรียบสังสารวัฏเสมือนการเดินทางของใจอันเนิ่นนาน หาที่เบื้องต้นและที่สิ้นสุดไม่ได้ เมื่อเราพบพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว จะดีไหมถ้าเราจะไปถึงจุดหมายที่พระองค์ทรงสั่งสอนไว้ ได้อย่างรวดเร็วและไม่เนิ่นช้า เสมือนดั่งการเดินทางในนิทานเรื่องหนึ่งดังจะแสดงต่อไปนี้
มีชายสี่คนเป็นเพื่อนรักกัน ทุกคนมีร่างกายพิการต่างๆกัน มีนายใบ้ นายหนวก นายบอด และนายอ่อนที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากปัญญาอ่อนนั่นเอง ทั้งสี่อาศัยอยู่ในบ้านร้างผุพังแห่งหนึ่ง
ทั้งสี่เป็นคนอยู่ในศีลในธรรมแต่มีฐานะยากจนมากเนื่องจากความพิการแต่ กำเนิด เทวดาบนสวรรค์เห็นในความดีจึงได้แปลงกายเป็นชายชรามาหาชายทั้งสี่ในเช้าวัน หนึ่ง
ชายชราผมขาวหนวดเครายาวเอ่ยขึ้นว่า”เออแน่ะพ่อหนุ่มข้าเห็นใจในความดีแต่ว่าต้องมามีสภาพชีวิตยากจนข้นแค้นแสนสาหัส
ถึงแม้จะพิการแต่ก็สามัคคีรักใคร่ช่วยเหลือกันดีเหลือเกิน ข้ามีแผนที่เดินทางไปสู่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ กว้างใหญ่ไพศาล เปรียบดังสวรรค์น้อยๆบนดินมีแต่เฉพาะคนดีๆมีเมตตา และเมื่อเจ้าไปถึงแล้วก็จะมีที่ดินทำกิน มีอาหารไม่ต้องอดๆอยากอย่างนี้อีก แต่ถึงจะมีแต่ความสุขความสบายก็ตาม แต่มีคนไม่มากนักที่จะสามารถฝ่าด่านอันยากลำบากไปถึงได้ เอ้านี่แผนที่รับไปซะ”
ทั้งสี่รับแผนที่มาด้วยความดีใจ กล่าวแสดงความขอบคุณกับชายชรา
มีชายสี่คนเป็นเพื่อนรักกัน ทุกคนมีร่างกายพิการต่างๆกัน มีนายใบ้ นายหนวก นายบอด และนายอ่อนที่ได้ชื่อนี้เนื่องจากปัญญาอ่อ
ทั้งสี่เป็นคนอยู่ในศีลในธรรมแต่มีฐานะยาก
ชายชราผมขาวหนวดเครายาวเอ่ยขึ้นว่า”เออแน่
ถึงแม้จะพิการแต่ก็สามัคคีรักใคร่ช่วยเหลื
ทั้งสี่รับแผนที่มาด้วยความดีใจ กล่าวแสดงความขอบคุณกับชายชรา
นายบอดเจ้าปัญญาจึงถามว่า” เอ แล้วทางที่ไปนี่มันยากลำบากแค่ไหนล่ะครับ”
ชายชรา” จำคำของลุงไว้นะ หนทางนี้จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ถ้าอยากไปเร็วๆก็จะช้า ถ้าประมาทมัวแต่ชักช้าก็จะไปไม่ถึง ทางนี้เจ้าต้องเข้าไปในป่าทึบอันเป็นที่อยู่ของมาร และเส้นทางยังเป็นทางเขาวงกตอีกด้วย เธอต้องสังเกตว่าเดินวนอยู่กับที่ไม่ไปไหนหรือเปล่าตลอดเส้นทาง มารผู้รักษาจะมีอยู่ตลอดเส้นทาง มารนี้นอกจากจะมีฤทธิ์เดชแล้ว ยังรู้อีกว่าเราคิดอะไรอยู่ด้วย มันจะหรอกเราไม่ให้เดินต่อไปด้วยการล่อให้สงสัย หรอกให้หลงเผลินกับสิ่งต่างๆ มีแต่คนที่มีจิตใจมั่นคงและแน่วแน่เท่านั้นที่จะไปบนเส้นทางนี้ได้ ฉะนั้นจงจำไว้ให้ก้าวไปเรื่อยๆ จงเป็นคนช่างสังเกตถึงเส้นทางเขาวงกตนั้น และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะน่าพอใจเพียงใด ให้มีสติรู้ทันอย่าอยาก อย่าสงสัยให้มันผ่านเราไป มีความพยายามเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบ แล้วเส้นทางจะปรากฏชัดกับเธอเอง”เมื่อพูดจบชายชราก็เดินจากไป
ทั้งสี่คนจึงเริ่มออกเดินทางทันที ในวันแรกที่ออกเดินทางต้องเดินผ่านป่าทึบมารได้บันดาลให้ป่ารกทึบกลายเป็น อุทยานที่น่ารื่นรมย์ มีน้ำตกมีสวนดอกไม้ มีผลไม้สุกงอมมากมาย ทำให้คนทั้งสามยกเว้นนายบอดหยุดเดินทันที แต่แล้วนายบอดก็กล่าวขึ้นว่า
“อ้าวจะหยุดเดินกันทำไมล่ะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ไปไม่ถึงไหนหรอก”
คนทั้งสามจึงได้สติเดินต่อไป
ต่อมาก็ถึงเมืองๆหนึ่งกำลังมีการแสดงดนตรีอยู่ เมื่อชายทั้งสามคนยกเว้นนายหนวกได้ยินก็เสมือนต้องมนต์หลงไหลเคลิบเคลิ้มกับ เสียงดนตรีจนแทบสิ้นสติ จนนายหนวกต้องรีบดึงพวกเขาเพื่อเดินต่อไป
พอผ่านมาสักพักก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่สี่คนถืออาวุธมีทั้งหอกและดาบ มายืนด่าชายทั้งสี่อยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ชายทั้งสามบันดาลโทสะ กำลังจะด่าตอบ แต่นายใบ้ก็รีบดึงข้อมือเพื่อนทั้งสามให้วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด
เมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง ก็มาถึงทางแยก ทางซ้ายเป็นทางเส้นใหญ่คงเป็นเพราะมีคนใช้เส้นทางนี้มากนั่นเอง เขียนไว้ว่า เมืองใหม่ สำหรับผู้ต้องการความร่ำรวย มีที่พักฟรี อาหารฟรี รักษาโรคฟรี อีกทางเป็นถนนเล็กๆ เขียนไว้ว่า เส้นทางสู่ป่าอันสงบเงียบ เมื่อทั้งสี่อ่านดูป้ายแล้ว ก็ปรึกษากันเป็นการใหญ่ ขณะที่ยังตกลงกันไม่ได้ นายอ่อนก็พูดขึ้นว่า
“แผนที่บอกว่าไปทางขวาก็ไปกันเหอะ มัวเถียงอะไรกัน อ่อนฟังแล้วไม่เข้าใจ” คนทั้งสามจึงได้สติ จึงเดินมุ่งสู่ป่าแห่งนั้น
จริงดังที่ชายชราบอก เมื่อเข้าสู่ป่าแล้วด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็นลมพัดอ่อนๆสบายๆ ทุกคนก็รู้สึกหายเหนื่อยเมื่อยล้า ในป่ามีผลไม้ป่าสุกงอมหอมหวาน มีนกกาและสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยมากมาย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าไม่ค่อยมีคนมารบกวน หรือเข้ามาวุ่นวาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนส่วนใหญ่มุ่งหวังความสุขสบายทางวัตถุในเส้นทางสายใหญ่ มากกว่า ทุกสิ่งในป่านี้จึงยังคงเป็นสภาพเดิมของมัน
เมื่อออกจากป่าแล้วก็ไปมีที่ราบเชิงเขามีน้ำตกไหลลงมาเป็นลำธารและแอ่ง น้ำ มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ ใกล้ๆ เมื่อเดินเข้าหมู่บ้านคนทั้งสี่ได้พบชายชราอีกครั้ง ท่านจึงกล่าวทักทายคนทั้งสี่ว่า
“โอ ข้าดีใจมากที่เจ้าสามารถมาถึงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ข้อขอแสดงความยินดีและต้อนรับสู่ดินแดนอันสงบและร่มเย็น”
“ทำไมพวกท่านจึงสามารถมาได้อย่างรวดเร็ว บางคนกว่าจะมาที่นี้ได้ใช้เวลานานหลายปีมาก บางคนชั่วชีวิตหนึ่งยังมาไม่ถึงเลย” ชายวัยกลางคน คนหนึ่งในหมู่บ้านถาม
“พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายทั้งสี่ตอบอย่างงงๆ
“แต่ว่าข้าพอนะรู้ นั้นข้าจะตอบให้ฟังนะ” ชายชราตอบ
"ในการเดินทางของพวกเจ้านี้ก็เหมือนการเดินทางของใจไปบนเส้นทางธรรม เคล็ดลับก็คือ การเดินทางด้วยสติสัมปชัญญะ เมื่อคนหนึ่งหลงไปดู หลงไปฟัง หลงไปคิด ด้วยอำนาจของมารที่มาหลอกล่อให้ล่าช้าหรือหยุดเดิน ก็จะมีคนที่มาเตือนสติให้เดินต่อไป ซึ่งในคนธรรมดาจะไม่สามารถมีสติได้ทัน จึงใช้ชีวิตหมดไปกับความโลภ ความโกรธ ความหลง ในเรื่องต่างๆโดยไม่รู้ว่าตัวเองหลงอยู่ อีกทั้งคนทั่วๆไปยังมีแต่ความลุ่มหลงในวัตถุ เงินทอง ชื่อเสียง ฯลฯ จึงหมดเวลาในชีวิตชาติหนึ่งๆไปอย่างน่าเสียดาย ใช้ชีวิตโดยไม่ได้ทำให้จิตใจพัฒนาแต่อย่างใด มีแต่จะทำบาปกรรมให้จิตใจต่ำลง พวกที่พอจะคลายความลุ่มหลงในโลกและวัตถุลงบ้าง ก็ออกเดินทางมาตามสายพระธรรม แต่ก็มาติดใจสงสัยในนิมิต แสงสีเสียง หลงติดในความพอใจ ไม่พอใจในสภาวะธรรมต่างๆที่เกิดขึ้น บ้างก็ใจร้อนอยากให้ถึงไวๆ ก็เลยมีกิเลสเพิ่มขึ้นมาถ่วงความก้าวหน้าไว้ กว่าจะมีสติถอนความหลงผิดในเรื่องต่างๆก็ช้าและเนิ่นนานมาก ฉะนั้น การช่างสังเกตถึงกิเลสที่เข้ามาและการมีผู้ชี้นำที่ดี การมีสติในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความไม่จงใจเพ่งกาย เพ่งใจจนเคร่งเครียด ทำแบบรู้ห่างๆแต่ไม่ห่างรู้ ขยันก็ทำไม่ขยันก็ทำไม่ต้องตั้งความหวังว่าจะต้องรู้ ต้องเห็น ต้องได้อะไรมา เพียงแต่มีอะไรก็รู้ พอรู้ก็ปล่อยวางไปเรื่อยๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางของใจสู่จุดหมายแห่งความหลุดพ้นที่ไม่ เนิ่นช้า อันเป็นเป้าหมายในที่สุด”
พระศาสดากล่าวไว้ว่าเป็นบุญสูงสุดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธ ศาสนา ถ้าได้พบแล้วเดินทางแล้วก็ขอให้มีความเจริญในธรรม มีความพากเพียรอยู่ในธรรม มีความสงบเย็น และขอให้เป็นการเดินทางของใจที่ไม่เนิ่นช้านะครับ
ที่มา : จินตนาการ
ชายชรา” จำคำของลุงไว้นะ หนทางนี้จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ถ้าอยากไปเร็วๆก็จะช้า ถ้าประมาทมัวแต่ชักช้าก็จะไปไม่ถึง ทางนี้เจ้าต้องเข้าไปในป่าทึบอันเป็นที่อย
ทั้งสี่คนจึงเริ่มออกเดินทางทันที ในวันแรกที่ออกเดินทางต้องเดินผ่านป่าทึบม
“อ้าวจะหยุดเดินกันทำไมล่ะ มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวก็ไปไม่ถึงไหนหรอก”
คนทั้งสามจึงได้สติเดินต่อไป
ต่อมาก็ถึงเมืองๆหนึ่งกำลังมีการแสดงดนตรี
พอผ่านมาสักพักก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่สี่คน
เมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง ก็มาถึงทางแยก ทางซ้ายเป็นทางเส้นใหญ่คงเป็นเพราะมีคนใช้
“แผนที่บอกว่าไปทางขวาก็ไปกันเหอะ มัวเถียงอะไรกัน อ่อนฟังแล้วไม่เข้าใจ” คนทั้งสามจึงได้สติ จึงเดินมุ่งสู่ป่าแห่งนั้น
จริงดังที่ชายชราบอก เมื่อเข้าสู่ป่าแล้วด้วยบรรยากาศอันเยือกเ
เมื่อออกจากป่าแล้วก็ไปมีที่ราบเชิงเขามีน
“โอ ข้าดีใจมากที่เจ้าสามารถมาถึงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ข้อขอแสดงความยินดีและต้อนรับสู่ดินแดนอัน
“ทำไมพวกท่านจึงสามารถมาได้อย่างรวดเร็ว บางคนกว่าจะมาที่นี้ได้ใช้เวลานานหลายปีมา
“พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายทั้งสี่ตอบอย่างงงๆ
“แต่ว่าข้าพอนะรู้ นั้นข้าจะตอบให้ฟังนะ” ชายชราตอบ
"ในการเดินทางของพวกเจ้านี้ก็เหมือนการเดิ
พระศาสดากล่าวไว้ว่าเป็นบุญสูงสุดที่ได้เก
ที่มา : จินตนาการ
No comments:
Post a Comment