ความรัก กับ บุพเพสันนิวาสและเนื้อคู่
คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ต ิดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาว รไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างน ั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’ ...
... หากหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้ ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่าง ใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป และนั่นก็แปลว่า คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุ ญกันมามากกว่าร่วมทำบาป ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่ วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ
...มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮ าบทันที ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมา ว่านี่คู่เวรของเรา หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉ ัน เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึ กด้านดีชั้นแรก ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุกา รณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่ายๆว่าร่วมทุกข์ร ่วมสุขด้วยกัน ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้น ต่อๆมา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่ บุญกันจริงๆ
...ความรู้สึกด้านดีชั้นแรกในระยะแ รกพบสบตานั้น เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่ อนในอดีตชาติ ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหต ุการณ์ดีร้ายต่างๆมาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อก ูลในปัจจุบันชาติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิ ดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจั ยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน
...แต่ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆกัน พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ได้แก่
๑) มี ศรัทธา ไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบ ากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือน ๆกัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบ บเดียวกัน เป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่อ งไม่ตรงกัน เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกั นได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกัน เร็ว อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกั บทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือน กันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเล ยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่น คงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มอ งไปในทิศเดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน
๒) มี ศีล อันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิ ดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่ นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชี วิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปื นร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีว ิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตร งข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสก ปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซ ื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดี ยว ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแ ล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่ นเชื่อมั่นในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ
๓) มี จาคะ อันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกัน และกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้า งเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะท ี่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานค นอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิด ตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไ ม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความส ุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัม พันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพร ียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่า งใหญ่ เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่ง ให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน
๔) มี ปัญญา เสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่อง กล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นต ามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปไปในทางเดีย วกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม ่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นรา วใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป ็นอย่างยิ่ง ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย ่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงใน การสนทนา และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟัน อุปสรรคร่วมกัน
...หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู ้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้) ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้ สึกแสนดีอย่างประหลาด เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยค วามเข้าใจกระจ่าง
...และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆหน่อย ๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้น อย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่ างยินดีเต็มใจทันที แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจ ะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับ คู่บุญประเภทนี้
...แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อ มนึกอิจฉา โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหต ุที่แท้จริงว่าเหตุใดจึงมีคู่ที ่น่าอิจฉาได้ปานนั้น รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุต ิธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างห าก แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลั บ เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป ็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้
...จากที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัส ว่าหญิงชายจะพบกันทั้งชาตินี้แล ะชาติหน้า ก็เพราะมีเหตุ คือต่างฝ่ายต่างมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คำว่า "เสมอกัน" นั้น อย่างน้อยที่สุดคือร่วมยินดีไปใ นแนวความเชื่อเดียวกัน มีใจปรารถนาจะรักษาศีล มีใจอยากสละให้ และอย่างน้อยพูดภาษาเดียวกันรู้ เรื่อง ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งเสนอ อีกฝ่ายนอกจากไม่สนองแล้วยังเอา แต่ขัดๆๆ
...ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุ สองประการ ประการแรกคือเคยอยู่ร่วมกันมาใน อดีตชาติ ประการที่สองคือชาตินี้ได้เกื้อ กูลกัน นั่นแหละความรักอย่างลึกซึ้งถึง จะเกิดได้
...มองด้วยข้อสรุปนี้ คู่บุญตัวจริงก็คือคนที่เคยคิดด ี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน รวมทั้งมีศรัทธาไปในทางเดียว แข็งแรงในศีลข้อเดียวกัน มีใจคิดสละประมาณเดียวกัน และอย่างน้อยต้องพูดกันรู้เรื่อ งประมาณเพลินคุยได้ไม่รู้เบื่อ ประเภทใส่บาตรครั้งสองครั้ง อาจมีผลให้เกิดความรู้สึกปิ๊งๆบ ้าง แต่จะไม่มีเหตุปัจจัยส่งเสริมสน ับสนุนให้ได้พบกันบ่อยๆ ได้เกื้อกูลกันโดยปราศจากอุปสรร คขัดขวางอย่างสิ้นเชิง พูดง่ายๆ ว่าต้องสร้างปัจจัยใหม่กันเหนื่ อยพอดูครับ
ถ้านับตามบันทึกของพุทธ ก็ต้องว่าคนเราแม้อยู่เคียงครอง เรือน คนหนึ่งตายแล้วอาจไปสวรรค์ คนหนึ่งตายแล้วอาจไปนรก ใช่จะพุ่งขึ้นหรือไหลลงตามกันเพ ียงเพราะอยู่เรียงเคียงหมอน มันขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายแต่ละฝ ่ายเดินอยู่บนทางสวรรค์หรือทางน รกเท่านั้น
...ตรงข้าม คู่ผัวตัวเมียที่มีบารมีอันได้แ ก่ทาน ศีล สมาธิ และปัญญาเสมอกัน หรือคล้อยตามกัน ย่อมมีโอกาสได้พบเจอบ่อยกว่าคู่ อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจิตเป็นกุศ ลแล้วอธิษฐานสำทับร่วมกันเสมอๆ ก็จะให้ผลแรงเป็นทวีคูณขึ้นไปเร ื่อยๆ หนักแน่นมั่นคงและเป็น ‘ตัวจริง’ ของกันและกันอย่างยากจะหาใครมาแ ทนที่
"บุพเพสันนิวาส" ตามความหมายอันแท้จริง จะต้องเคยครองคู่ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ฝ่าฟันแล้วสุขสมด้วยกันมาก่อน มีลูกให้ช่วยกันเลี้ยงดูด้วยกัน มาก่อน มีความจากพรากอันน่าอาลัยมาก่อน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยสำคั ญอย่างสูงคือเคยทำบุญในพุทธเขตร ่วมกันมาก่อน
(จะทำบุญร่วมกันในศาสนาไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ลัทธิความเชื่ออันนำไป สู่อบาย แต่การทำบุญร่วมกันในพุทธเขต มีกำลัง มีความสว่างสูงส่งเหนือสิ่งอื่น ใด)
ลานดาวบอกตนเองว่าเข้าใจความหมา ยที่แท้จริงของ ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บารมี’ ก็คราวนี้เอง ถ้าเป็นคู่แท้ที่เคยร่วมบุญร่วม บารมีกันมาก่อน ก็มิใช่ว่าจะต้องด่วนเจอทันใจเส มอไป แต่อาจรอจังหวะเหมาะสมที่เมื่อพ บกันแล้วต่างอยู่ในภาวะพร้อมจะร ่วมทางกุศลดังเดิมอีกด้วย
...แรงเหวี่ยงของกรรมใหญ่ฝ่ายกุศลจ ะดึงดูดให้วิญญาณตามติดกันไปเรื ่อยๆ คล้ายดาวแม่กับดาวบริวารนั่นแหล ะ ตราบใดเรายังมีใจเห็นดีเห็นงามก ับกุศลผลบุญของเขา แล้วก็ร่วมกันทำประโยชน์ให้สาธา รณชนไม่เลิกรา เกิดใหม่ก็ได้อยู่ด้วยกันอีกเสม อไป เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดไปอย ู่ภพต่ำ ปล่อยให้อีกฝ่ายโดดขึ้นไปอยู่สู งตามลำพัง ก็อาจคลาดกันระยะหนึ่ง
การที่มีอัตภาพได้มาเจอกันแล้วร ู้สึกดี ก็ถือว่าเป็นบุญเก่าที่ให้ผลเป็ นกุศลวิบากอยู่แล้ว นั่นเป็นของในอดีตล้วนๆ นับแต่วินาทีแรกที่พบกัน แม้ว่าวิบากเก่าอาจจะยังให้ผลไม ่หมดสิ้น มีแรงหนุนให้อยากคบหา หรือมีความหนุนเนื่องให้เกิดเหต ุการณ์ดีๆ ปัจจัยประกอบดีๆ ก็ต้องถือว่าทั้งสองต้องเลือกเอ าเอง กำหนดเอาเอง ว่าจะทำปัจจุบันให้เป็นอย่างไร ถางทางอนาคตให้ดีร้ายแค่ไหน
...จะเลี้ยงความรู้สึกดีต่อกันไว้ไ ด้นั้น บุญเก่าอาจมีส่วนในแง่ของการเอื ้อปัจจัย แต่ไม่ได้เป็นประกันชัดเจนเหมือ นบุญใหม่แน่นอน
คนสองคนที่สร้างบุญมาด้วยกันหาก ชาติใกล้ชักชวนกันทำทานเป็นงานอ ดิเรก ต่างฝ่ายต่างก็ได้แดนเกิดร่ำรวย ไม่ขัดสน พอมาเจอกัน คบกัน อยู่ด้วยกันไม่ทันไร อยากทำธุรกิจค้าขาย ก็อาจรวยไม่รู้เรื่อง
...หากชาติใกล้เตือนกันและกันตั้งใ จรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างมีรูปร่างหน้าตาต้อ งใจเพศตรงข้าม พอมาเจอกัน ก็เอ็นดูเสน่หา หลงใหลในกันและกันรุนแรง ชนิดที่ใครอื่นหมื่นแสนก็ทำให้ห ลงไม่ได้เท่า
...หากชาติใกล้อาจจูงมือกันเข้าวัด เข้าวา ฝึกภาวนาให้เกิดความตั้งมั่นทาง จิตใจ เจริญปัญญาให้แก่กล้าหวังความหล ุดพ้นในที่สุดด้วยกัน ตั้งความปรารถนาว่าจะพบเพื่อเกื ้อกูลกันให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ขวางกันและกันในเส้นทางมรรคผ ล พอมาเจอกัน ก็เกิดความผ่องใส เย็นรื่น แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆก็อาจเป็นแรง สะกิดอีกฝ่ายให้สงบลงจากทุกข์ และโน้มน้าวกันให้ใฝ่แต่เรื่องแ สนดี งดงาม ไม่เป็นที่ระคายต่อกัน เจอพระสงฆ์องค์เจ้าก็แต่ที่ดีๆ ไม่ลุ่มหลงประเภทพาญาติโยมลงเหว
...มีคู่รักหลายคู่ ที่ทำบุญมาด้วยกันแค่ระดับทาน อาจรวยร่วมกัน เจอกันยิ่งรวยมหารวยเป็นบ้าเป็น หลัง แต่ปัญญาที่จะประคองรักร่วมกันอ าจขาดไป ได้กันแล้วก็เบื่อกัน ไม่ต่างกับเสพสมบัติชนิดอื่นๆ ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจมักมากใน กามจนต้องออกไปเลอะเทอะข้างนอก และคนมีเงินนั้น ผิดศีลได้มากข้อนัก คงไม่ต้องขยายความ
...มีคู่รักอีกหลายคู่ ที่ชวนกันรักษาศีลมาก่อน จะโกหกนั้นไม่เอา บี้มดตบยุงก็ไม่ยอม แต่ขาดทานบารมีร่วมกันมา ชวนกันอดออม ชวนกันตระหนี่เสียมาก เพราะไม่รู้ค่าของทาน ไม่เชื่อผลของทาน เกิดมาเจอกันอาจจะรักกันดูดดื่ม ปานจะกลืน เพราะรูปสวยด้วยกันทั้งคู่ แต่ขอโทษ ต้องกัดก้อนเกลือกินจนตาย ถึงสัญญาเก่าที่เจือด้วยความบริ สุทธิ์ของศีลจะดึงรั้งไม่ให้นอก ใจกัน ก็อยู่ร่วมกันอย่างอัตคัดขัดสน ผอมแห้งแรงน้อย เจ็บออดๆแอดๆ ก็เป็นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่า ยกันและกันอันเนื่องจากความเป็น อยู่ได้อีก
...โดยความไม่สมบูรณ์ของ ทาน ศีล ภาวนา ที่บำเพ็ญมาร่วมกัน คู่รักที่เป็นปุถุชนทั่วไปจึงมั กขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่ง ที่จะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงตามวิ ถีทางธรรมชาติ ให้มั่นคงในรักต่อกัน หรือให้มีความสุขสดชื่นบำรุงจิต ใจกันและกัน ฉะนั้นถ้าหากอยู่ด้วยกันแล้วไม่ มีปัจจัยปรุงแต่งชนิดที่เป็นกุศ ล หล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื่นใ หม่ๆ ทวีขึ้นทุกๆวัน ก็เป็นธรรมดาที่ความรักจะโรยราล งตามธรรมชาติใจที่เบื่อหน่ายของ เก่าซ้ำซากจำเจ
คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักกันว่าบุญก รรมที่มีกำลังส่งผลสูงสุดมีอิทธิพลดีร้าย และเป็นตัวจัดสรร เลือกคู่ครองให้เราอย่างแท้จริง ได้แก่กรรมทางกาย วาจา ใจที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อ วัน
หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "นิสัยใจคอ" นั่นเอง นิสัยคือพฤติกรรม หรือการกระทำที่สั่งสมจนเกิดควา มเคยชิน และนั่นก็ตรงกับศัพท์บัญญัติทาง พุทธคือ อาจิณณกรรม เกี่ยวกับเรื่องของเนื้อคู่หรือ คู่แท้ สังสารสัตว์ที่มาจับคู่กันนั้น ไม่ใช่มีใครดลบันดาล ไม่ใช่มีฐานะคู่กันโดยเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยกรร มสัมพันธ์ทั้งสิ้น
วิธีที่จะเจอคนจริงใจกับเรา ไม่ว่าในด้านความรักหรือธุรกิจ
ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ ทำนองเดียวกับที่ไม่มีใครงมเข็ม ในมหาสมุทรเจอโดยปราศจากเครื่อง ช่วย ซึ่งในที่นี้ก็คือกรรมนั่นแหละ คุณต้องเข้าใจหลักกรรมข้อหนึ่ง คือ เมื่อให้สิ่งใดย่อมไม่สูญเปล่า ต้องมีการสะท้อนตอบเป็นการได้รั บสิ่งนั้นคืนมาเสมอ ฉะนั้น หากตอนนี้อยู่ในช่วงรับความไม่จ ริงใจซึ่งเราเคยทำไว้กับใครมาก่ อนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ขอให้สร้างเหตุ สร้างเครื่องช่วยให้เราไปพบกับค นจริงใจในกาลข้างหน้า คือพยายามจริงใจกับคนอื่นโดยไม่ ย่อท้อ ก็แล้วกัน
หลักการดูคู่ ขอแนะว่าลองชักชวนกันทำบุญ ดูความรู้สึกผูกพันด้านดี จะแน่นอนกว่าการดูฤกษ์ยามใดๆ ครับ แต่ผมก็เข้าใจและเห็นใจ บางคนไม่มีโอกาสเลือกมากนัก ถ้าใครคิดว่าตนเองมีบุญในเรื่อง คู่น้อย ผมอยากแนะนำให้ตั้งใจรักษาศีล ๕ อย่างเข้มงวด ทำทานด้วยความเบิกบานอย่างเข้าใ จสักพัก มนุษย์เรายกระดับความมีบุญได้ใน ชาติเดียว เดี๋ยวถ้าบุญถึงขีดบันดาลสุขในป ัจจุบันทันตาเมื่อไหร่ บุญนั้นก็จะแปรสภาพเป็นแรงดึงดู ดชักนำคนดีๆที่สมกันมาหาเราเองค รับ หากถือหลักความจริงนี้ ก็คงเป็นคำตอบไปในตัว ว่าเราจำเป็นต้องเชื่อเกณฑ์ชะตา ราศีไหม
สิ่งที่ควรดู คือเมื่อเข้าคู่กันแล้ว
No comments:
Post a Comment