"กรรมและบุญอันใด ทําให้เกิดมาเป็นเศรษฐี รํ่ารวย อายุยืน อายุสั้น
รูปสวย รูปหล่อ เกิดมาฉลาด เกิดมาโง่ เกิดมาในตระกูลสูง เกิดมาในตระกูลตํ่า เกิดมาผิวพรรณทราม เกิดมาผิวพรรณงดงามเรืองรอง"
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๕. จูฬกัมมวิภังคสูตร (๑๓๕)
[๕๗๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
(ผมขออนุญาตเรียบเรียงให้อ่านง่าย ด้วยภาษาง่ายๆนะครับ
หากตกหล่นประการใด ไม่สมควรประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้น สุภมาณพ โตเทยยบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดมาเป็นมนุษย์ ปรากฏความเลวและความประณีต กล่าวคือ เกิดมามีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย มีศักดามาก มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูง ไร้ปัญญา มีปัญญา"
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้"
สุภมาณพถามว่า
"ข้าพระองค์ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พระโคดมผู้เจริญตรัสโดยย่อๆ โปรดเทศนาอธิบายโดยละเอียดด้วยเถิด"
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
"ดูกรมาณพ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจะกล่าวต่อไป"
พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า...
1. เกิดมามีอายุสั้น
" ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต เขาตายไป จะเข้าถึงอบายทุคติ (ทุคติ แปลว่า ที่ไปอันชั่ว ที่อยู่อันชั่ว ภพอันเป็นที่ไปของสัตว์อันชั่ว) วินิบาต (วินิบาต คือ พวกที่ตกต่ำ ได้แก่ เปรตชั้นสูง คือ ได้รับความสุขสลับกับความทุกข์) และตกนรกเพราะกรรมนั้น แต่ถ้าเขายังพอมีบุญอยู่ เมื่อใช้กรรมหมด มาเกิดเป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุสั้น"
สรุป
ผู้ใดชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดอำมหิต ชอบเข่นฆ่าราวีชีวิตสัตว์ ตายไปตกนรก เกิดเป็นเปรต พอมาเกิดเป็นคนใหม่ด้วยบุญที่ยังพอมี จะเกิดเป็นคนที่มีอายุสั้น การเกิดเป็นคนที่มีอายุสั้นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะเขามีเวลาบนโลกในการสะสมบุญน้อยกว่าคนอื่น ครั้นพอสะสมบุญได้น้อย กว่าใจจะเข้าถึงพระธรรม เขาก็ตายเสียก่อน พอตายไป ก็ย่อมไม่มีบุญสะสมมากพอจะไปสวรรค์ หรืออาจจะได้ไปสวรรค์ชั้นน้อยๆ และอยู่บนสวรรค์ได้ไม่นาน หรืออาจจะตกนรกอีกครับ
2. เกิดมามีอายุยืนนาน
"ดูกรมาณพ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม ละปาณาติบาตแล้ว (ผมจะอธิบายคำว่า ปาณาติบาตตอนท้ายนะครับ) เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้ มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูต เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ แต่ถ้ามาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ ณ ที่ใดๆในภายหลัง จะเป็นคนมีอายุยืน"
ผมขออธิบายคำว่า ปาณาติบาตก่อนนะครับ เพาะคำนี้ลึกซึ้ง ว่าจะกลายจะเป็นกรรมได้อย่างไรบ้าง
ปาณาติบาตนั้น หมายถึง การยังชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง กล่าวให้เข้าใจง่ายๆก็คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ปาณาติบาตนั้นจะส่งผลเป็นกรรมได้ ต้องประกอบด้วยองค์ 5 คือ
1. สัตว์มีชีวิต
2. รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
3. จิตคิดจะฆ่า
4. พยายามเพื่อจะฆ่า
5. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
ปาณาติบาตนั้นจะส่งผลให้มีโทษมาก เพราะเหตุ 4 ประการ คือ
1. สัตว์ใหญ่
2. สัตว์นั้นมีคุณ
3. ความพยายามของผู้ฆ่ามีมาก
4. กิเลสของผู้ฆ่ารุนแรง
สรุป
ผู้ใดงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เป็นคนจิตใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาธรรม มีความละอายต่อการทำร้ายชีวิต มีความเอ็นดูต่อชีวิตสัตว์อื่น ผู้อื่น เมื่อเกิดมาเป็นคนใหม่อีกครั้ง จะเป็นคนที่มีอายุยืนนาน
3. เกิดเป็นคนขี้โรค โรคภัยเบียดเบียนไม่จบไม่สิ้น
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก"
สรุป
ผู้ใดชอบเฆี่ยนตีสัตว์ ทำร้ายร่างกายสัตว์แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต ชอบทุบตี เอาก้อนดิน ก้อนหินขว้างปา ใช้อาวุธทำให้เขาบาดเจ็บทรมาน เช่น ยิงนก ตกปลา เกมกีฬาอันเบียดเบียนให้สัตว์เจ็บทรมาน ฟาดด้วยฝ่ามือมุ่งหวังทำร้ายให้เจ็บปวด แม้จะไม่ได้มุ่งหวังให้ถึงตายก็ตาม (ต้องดูจิตตอนตีสัตว์ หากจิตเป็นไปด้วยโทสะมาก อำมหิตคิดร้าย ไม่ใช่เพื่อการฝึกอบรมสั่งสอน ย่อมสำเร็จเป็นกรรม) สิ่งเหล่านี้ ทำอยู่เสมอ ทำบ่อยๆ ทำจนเป็นนิสัยสันดาน เมื่อเกิดมาในชาติหน้า ย่อมเจ็บป่วยออดๆแอดๆ โรคภัยรุมเร้า
5. เป็นผู้มีโรคภัยน้อย
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตรา เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคน้อย"
สรุป
ข้อนี้ก็คือ กระทำตรงกันข้ามกับข้อที่สี่นะครับ
6. เกิดมามีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคืองพยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีผิวพรรณทราม"
สรุป
ผู้ใดมีนิสัยอิจฉา ริษยา ขี้โมโห พยาบาทเจ้าคิดเจ้าแค้น โกรธมาก จิตเต็มไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคืองฉุนเฉียวกระฟัดกระเฟียด กระด้างกระเดื่อง จนถึงขั้นแสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ จะเกิดมาเป็นคนที่ผิวพรรณทราม กล่าวคือ เต็มไปด้วยความขรุขระ สิวฝ้า หยาบกร้าน หรือมีความร้ายแรงทางผิวพรรณ มะเร็งผิวกัดกิน เรือนกายกระดำกระด่าง ส่วนหน้าตานั้นก็ขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่มีความสวย มี่มความหล่อ รูปชั่ว มัวหมอง เป็นที่สังเวชใจต่อผู้พบเห็น ไม่ชวนให้เอ็นดู ไม่ชวนให้รัก (นางมัลลิกา เคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อถามถึงเรื่องนี้มาแล้วครับ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ตรัสเช่นเดียวกันนี้แล)
7. เกิดมาเป็นคนน่าเลื่อมใส รูปงาม ผิวพรรณเรืองรอง
ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนน่าเลื่อมใส"
สรุป
ก็ตามจากข้างต้นเลยครับ ข้อนี้ถอดความได้ไม่ยาก
8. เกิดมามีวาสนาน้อย มีอำนาจน้อย
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามมีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาตนรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีศักดาน้อย"
สรุป
ท่านใดที่ชอบอิจฉาการทำบุญของผู้อื่น ริษยากองบุญของคนอื่น เห็นเขาทำใหญ่กว่าตนก็หมั่นไส้ เห็นเขาหมั่นทำบุญทำทาน ถือศีล สวดมนต์ งดเว้นจากเหล้าและกิเลศ ก็ไปจิกกัด ไปพูดจากระทบกระเทียบ กระแนะกระแหน เมื่อตายไปและเกิดมาเป็นคนอีกครั้ง จะกลายเป็นคนที่มีวาสนาน้อย อำนาจน้อย ศักดาน้อย อนึ่งหากเทียบกันง่ายๆ ก็หากเกิดมาเป็นข้าราชการ ย่อมเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย ยศไม่สูง หรือชนชั้นในสังคมไม่เป็นที่น่านับถือ อยู่ในชนชั้นที่ไม่น่าเคารพ
9. เกิดมามีวาสนามาก อำนาจมาก ศักดามาก
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีศักดามาก"
สรุป
เห็นเขาทำบุญทำทาน เห็นเขาสวดมนต์ภาวนา มีความปลื้มใจ ยินดีปรีดา อนุโมทนา ไม่อิจฉาริษยา กระทบกระเทียบ เมื่อเกิดมาเป็นคนในชาติหน้า จะเกิดมาเป็นผู้มีศักดามาก มีอำนาจวาสนาสูง หากเกิดเป็นข้าราชการ ย่อมสำเร็จผลในยศที่ยิ่งใหญ่ (ขึ้นกับบุญที่ทำมาประกอบด้วย) หรือเกิดมาในชนชั้นที่สังคมเคารพนับถือ
10. เกิดมายากจน
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมไม่เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อาศัยเครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโภคะน้อย"
สรุป
ท่านใดที่มีนิสัยขี้เหนียว ตระหนี่ ขี้งก ไม่เคยทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน หรือถวายข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อาศัยเครื่องตามประทีป แก่สมณะสงฆ์ เกิดมาเป็นคนในชาติหน้า จะต้องยากจนข้นแค้น ทำมาหากินลำบาก การเงินฝืดเคือง
11. เกิดมารวย มั่งคั่ง เป็นเศรษฐี
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม ย่อมเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัยเครื่องตามประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโภคะมาก"
สรุป
ท่านใดหมั่นทำบุญตักบาตร หรือถวายสังฆทาน หรือถวายข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อาศัยเครื่องตามประทีป แก่สมณะสงฆ์ เกิดมาเป็นคนในชาติหน้า จะร่ำรวยเงินทอง มั่งคั่ง หรือถ้าหากไม่ร่ำรวยาก ก็จะไม่ลำบากเรื่องเงิน การเงินหมุนเวียนดี เงินคล่องมือ ...หากยิ่งถวายมาก ทำมาก จิตยิ่งบริสุทธิ์มาก ถวายแบบไม่หวังผล ถวายด้วยความปลื้มปีติที่จะถวาย ยิ่งเกิดมาร่ำรวยระดับร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน
12. เกิดเป็นคนสกุลต่ำ
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนกระด้าง เย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง ไม่สักการะคนที่ควรสักการะ ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือไม่บูชาคนที่ควรบูชา เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ"
สรุป
การเกิดมาเป็นคนสกุลต่ำต้อย อาศัลอยู่ในเขตที่ผู้คนดูถูกดูแคลนย่อมไม่ดีแน่ และผู้จะมาเกิดเป็นคนเช่นนี้ ก็มีคุณสมบัติตมเหตุข้างต้น ข้อนี้ถอดความไม่ยาก ผมจึงไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ ยิ่งเด็กๆวัยรุ่นสมัยนี้ มือแข็งกันเหลือเกิน เจอผู้ใหญ่ไม่ยกมือไหว้ เจอพ่อแม่ไม่เคยกราบ เจอพระสงฆ์บนรถสาธารณะไม่เคยลุกให้นั่ง เย่อหยิ่ง จองหอง กรรมนี้จะสำเร็จผลให้เป็นคนสกุลต่ำ หากแม้นผลจะส่งในชาตินี้ ย่อมเป็นคนที่โดนดูถูก ไม่มีใครให้เกียรติ ไม่มีใครให้เกียรติ
13. เกิดมาในสกุลสูง ดุจดั่งหงส์ที่งามสง่าในชาติตระกูลผู้ดี
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทาง สักการะคนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนเกิดในสกุลสูง"
สรุป
ข้อนี้ก็ถอดความได้ง่าย ผมไม่ขออธิบายอะไรให้มากนะครับ เพียงรู้จักนอบน้อมถ่อมตน ไม่เย่อหยิ่งจองหอง ถึงแม้ว่าตนเองจะดีกว่าเขา ดีกว่าใคร แต่ก็ยังยอมไหว้ ยอมทำการสักการะ ถ่อมตนถึงแม้ว่าจะอยู่สูงกว่า บินอยู่สูงนกตัวอื่นก็ตาม
14. เกิดมาโง่ ปัญญาทราม เรียนไม่เก่ง
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่า อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญาทราม"
สรุป
ท่านใดไม่ชอบเข้าไปหาผู้รู้ ไม่เคยเข้าวัดเข้าวา ไม่เคยสนทนากับพระสงฆ์ ไม่สนใจไตร่ถามเรื่องบาป บุญ ความดี ความชั่ว ไม่เลือกคบเพื่อนที่มีปัญญาแห่งธรรม คบหาแต่เพื่อนที่มอมเมา มัวหมองในกิเลศ ตายไป เกิดมาในชาติหน้า จะเกิดเป็นคนโง่ เรียนรู้ได้ช้า สอบเข้าที่ไหนก็ไม่ได้ สอนอะไรไปก็ไม่เข้าหัว สมองตามไม่ทัน และผู้มีปัญญาทรามนี้ จะถูกหลอกได้ง่าย ตกเป็นเหยื่อของสิ่งเลวร้ายต่างๆ หลงผิดเป็นชอบเพราะไม่มีสติปัญญาธรรม และเมื่อหลงผิดไปทำอะไรไม่ดีเพราะตนเองโง่ อวดดี ย่อมตกนรกในคราวต่อไป
15. เกิดมามีปัญญามาก ฉลาด หัวไว
"ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามย่อมเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีปัญญามาก ดูกรมาณพ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญามากนี้"
สรุป
ข้อนี้ถอดความได้ง่าย เพียงแค่ปฏิบัติตรงกันข้ามกับกรมในข้อ14.
บทสรุปจากพระพุทธเจ้า ท่านตรัสในตอนท้ายดังนี้
"ดูกรมาณพ ด้วยประการฉะนี้แล ปฏิปทา (ปฏิปทา แปลว่า ทางดำเนิน ข้อปฏิบัติ แนวทางปฏิบัติ ความประพฤติครับ) เป็นไปเพื่อมีอายุสั้น ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุสั้น ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีอายุยืน ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีอายุยืน ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคมากย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคมาก ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโรคน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโรคน้อย ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีผิวพรรณทราม ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีผิวพรรณทราม ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเป็นผู้น่าเลื่อมใส ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนน่าเลื่อมใส ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดาน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีศักดาน้อย ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีศักดามาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีศักดามาก ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะน้อย ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโภคะน้อย ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีโภคะมาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีโภคะมาก ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเกิดในสกุลต่ำ ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ ปฏิปทาเป็นไปเพื่อเกิดในสกุลสูง ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนเกิดในสกุลสูง ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญาทราม ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีปัญญาทราม ปฏิปทาเป็นไปเพื่อมีปัญญามาก ย่อมนำเข้าไปสู่ความเป็นคนมีปัญญามาก ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีต"
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ สุภมาณพ โตเทยยบุตรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า "แจ่มแจ้งแล้ว พระเจ้าข้า แจ่มแจ้งแล้วพระเจ้าข้า พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศธรรมโดยปริยายมิใช่น้อย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ หรือเปิดของที่ปิด หรือบอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าผู้มีตาดีจักเห็นรูปได้ฉะนั้น ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญพระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระโคดมผู้เจริญ จงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
จบ จูฬกัมมวิภังคสูตรที่5
ที่มา -- ธรรมะคือคุณากร/fb.com