เทศนาโดยท่านเจ้าประคุณสมเด ็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ดังปรากฏในงานของท่านเจ้าพร ะยาสรรเพชรภักดี จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4 ที่ได้นิมนต์เจ้าประคุณสมเด ็จโตมาเทศน์ที่บ้าน
ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อ มลูกศิษย์ได้เดินทางจากวัดร ะฆังมายังบ้านของท่าน เจ้าพระยาสรรเพชรภักดี ซึ่งในขณะนั้นมีอุบาสก อุบาสิกา นั่งพับเพียบเรียบร้อยกันเป ็นจำนวนมาก ด้วยต้องการสดับรับฟังการเทศน์ของท่านเจ้าประคุณ ณ ที่เรือนของท่านเจ้าพระยา
เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นท ี่เรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวบูชาพระรัตนตรัย เมื่อจบแล้ว ท่านจึงเทศน์ “ เรื่อง อานิสงส์ของการสวดมนต์ ”
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่ เข้าใจว่า การสวดมนต์มีประโยชน์น้อย และเสียเวลามากหรือฟังไม่รู ้เรื่อง ความจริงแล้วการสวดมนต์มีปร ะโยชน์อย่างมากมาย เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่า วถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุ ทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย ่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุ ณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้า มีคุณเช่นไร การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจน จิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญ ญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต ์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์
ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำส อนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระ อรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ
• เมื่อฟังธรรม
• เมื่อแสดงธรรม
• เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
• เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
• เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ
การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอ นเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติ กันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุท ธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งห ลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธ องค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจ ิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อส ำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อ มซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ
• กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรว ม
• ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระร ัตนตรัย
• วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญ ถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมีและกล่าวส ักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการส ร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เด ียว
อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้ าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระ อรหันต์อย่างแน่นอน
การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอส มควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จ ิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น
*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสีย งภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิ ต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กั บบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด
*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงส วดมนต์จะพลอย ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยก ารให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียง ในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมาก มาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล ้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่น นั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผ ู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตแ ละบริเวณบ้านของผู้ ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเ ทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม
ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพ ระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเมื่อจิตมีที่พึ่ งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดีจะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั ่นแล..
ครั้นพลบค่ำ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตพร้อ
เจ้าประคุณสมเด็จโต ได้ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์เป็นท
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้กล่าวว่ายังมีคนส่วนใหญ่
ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำส
• เมื่อฟังธรรม
• เมื่อแสดงธรรม
• เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
• เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
• เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ
การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอ
• กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรว
• ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระร
• วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญ
อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า
การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอส
*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสีย
*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงส
ดูก่อน.. ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพ
ที่มา --พุทธธรรมนำใจ / fb.com