ในทางพุทธศาสนา การชักชวนผู้อื่นทำความดีนั ้น
ผู้ชักชวนก็ได้บุญ และทำให้เป็นผู้มีบริวารมาก
หากทำด้วยตัวเองด้วยก็ยิ่งจ ะได้ทั้งทรัพย์สมบัติและบริ วาร
ดังเรื่องที่มีมาแต่ครั้งพุ ทธกาลว่า
กาลครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิ โกศลได้รับสั่งให้สันตติมหา อำมาตย์
ไปปราบปรามโจรที่กำลังฮึกเห ิมอย่างหนัก
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ท รงทราบว่า
มหาอำมาตย์ปราบโจรได้อย่างร าบคาบแล้ว
ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานทรัพย์สมบัติให ้เป็นจำนวนมาก
รวมทั้งหญิงสาวที่เก่งในการ ร้องเพลงและฟ้อนรำนางหนึ่ง
อำมาตย์ได้ดื่มเหล้าฉลองชัย ชนะจนเมามายถึงเจ็ดวันเจ็ดค ืน
ในวันที่ เจ็ดเขาจัดแจงแต่งตัวด้วยอา ภรณ์อย่างดี
แล้วขี่ช้างตัวที่ดีที่สุดไ ปยังท่าอาบน้ำ
เมื่อไปถึงก็เห็นพระศาสดากำ ลังเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมื อง
เขาจึงผงกศีรษะถวายบังคมด้ว ยความเคารพ
ในขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างนั ่นเอง
เมื่อพระศาสดาทรงเห็น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์
พระอานนท์จึงทูลถามถึงสาเหต ุที่พระองค์ทรงแสดงกิริยาเช ่นนั้น
พระพุทธองค์ตรัสว่า “อานนท์ เธอจงดูสันตติมหาอำมาตย์
วันนี้เขาประดับด้วยอาภรณ์อ ย่างดี มาสู่สำนักเรา
เขาจะบรรลุพระอรหัตเพียงเพร าะไดัฟังธรรมเพียงนิดเดียวเ ท่านั้นเอง
และจะปรินิพพานในอากาศ”
บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังคำของ พระศาสดา
บางพวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคิด ว่า “ท่านทั้งหลาย จงดูกิริยาของพระสมณโคดม
พระองค์ย่อมพูดสักแต่ปากเท่ านั้น ในวันนี้สันตติมหาอำมาตย์นั ้นเมาสุราอย่างหนัก
จะได้ไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ไ หน พวกเราจักจับผิดพระสมณโคดมท ี่กล่าวมุสาวาท”
ส่วนพวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิคิ ดกันว่า
“น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภ าพมาก
ในวันนี้ เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพร ะพุทธเจ้า
และการเยื้องกรายของสันตติม หาอำมาตย์”
ฝ่ายมหาอำมาตย์หลังลงเล่นน้ ำตลอดทั้งวันที่ท่าอาบน้ำแล ้ว
จึงกลับไปสู่อุทยาน และไปนั่งในโรงดื่ม
ขณะที่หญิงสาวที่พระเจ้าปเส นทิโกศลพระราชทานให้นั้น
ก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่กลางเวที เตรียมจะฟ้อนรำให้มหาอำมาตย ์ดู
แต่พอเริ่มจะแสดง นางก็กลับมีลมพิษเกิดขึ้นใน ท้องอย่างหนัก
ปากอ้า ตาเหลือก และในที่สุดก็ขาดใจตาย
สาเหตุเพราะกินอาหารน้อยมาต ลอด ๗ วัน
เพื่อให้ร่างกายอ้อนแอ้นน่า ชมนั่นเอง
เมื่อมหาอำมาตย์รู้ว่านางตา ยแล้ว
เขาก็เกิดความเศร้าโศกอย่าง แรงกล้าขึ้นมา กระทั่งส่างเมาทันที
พิษของสุราที่ดื่มมาตลอด ๗ วัน ได้เสื่อมหายไป
เขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสา มารถระงับความโศกเศร้าของเข าได้
เขาจึงไปขอเข้าเฝ้า พระศาสดาในตอนเย็นพร้อมกับบ ริวาร
และกราบทูลถึงเหตุแห่งความโ ศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับตน
และเหตุที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้ า
ครั้นพระศาสดาได้ฟังเรื่องร าวทั้งหมดแล้ว จึงตรัสว่า
“ท่านมาหาเราผู้สามารถที่จะ ดับความโศกได้แน่นอน
อันที่จริงน้ำตาที่ไหลออกขอ งท่านผู้ร้องไห้ในเวลาที่หญ ิงนี้ตายด้วยเหตุอย่างนี้
มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ ซะอีก” แล้วจึงตรัสพระคาถา ว่า
“กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลน ั้น
ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง
ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป ”
หลังจากพระองค์เทศน์จบ สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุพระ อรหัตผล
แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของ ตน ทราบว่าตัวเองจะหมดอายุขัยแ ล้ว
จึงกราบทูลพระศาสดาว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปริ นิพพานแก่ข้าพระองค์เถิด”
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “สันตติมหาอำมาตย์ ถ้าอย่างนั้น
เธอจงเล่ากรรมที่เธอเคยทำไว ้ในอดีตแก่เรา
แต่ก่อนจะเล่า จงอย่ายืนบนพื้นดิน จงยืนบนอากาศชั่ว ๗ ลำตาล”
มหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศ าสดา
จากนั้นก็ขึ้นไปสู่อากาศชั่ วลำตาลหนึ่ง แล้วลงมาถวายบังคมพระศาสดาอ ีก
และขึ้นไปนั่งโดยบังลังก์บน อากาศ ๗ ชั่วลำตาลแล้ว
จึงเล่าบุรพกรรมของตนเองว่า
ในกัลป์ที่ ๙๑ แต่กัลป์นี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าว ิปัสสี
ตนได้บังเกิดในตระกูลแห่งหน ึ่ง ในพันธุมดีนคร คิดอยู่ว่า
อะไรหนอเป็นกรรมที่ไม่ทำการ ตัดรอนหรือบีบคั้นชนเหล่าอื ่น
เมื่อใคร่ครวญอยู่อย่างนี้ จึงรู้ว่ากรรมคือ
การป่าวร้องบอกบุญ ชักชวนคนทำบุญ เป็นสิ่งที่ดี
จึงชักชวนชาวบ้านทำบุญ เที่ยวเชิญชวนชาวบ้านทำบุญส มาทาน
อุโบสถศีลในวันอุโบสถ ถวายทาน
และฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัย
ผลของการชักชวนชาวบ้านบำเพ็ ญบุญบำเพ็ญกุศลนั้นมีมากมาย ยิ่งนัก
ดังที่เกิดขึ้นกับตน คือ พระราชาผู้ใหญ่ทรง พระนามว่า ‘พันธุมะ’
เป็นพระพุทธบิดา เมื่อได้ทรงสดับความดังนั้น
จึงรับสั่งให้เรียกตนมาเฝ้า แล้วตรัสถามว่า กำลังทำอะไร ตนจึงทูลไปว่า
ได้เที่ยวประกาศคุณของพระรั ตนะตรัย ชักชวนชาวบ้านทำบุญ ทำกุศล
พระราชาได้ตรัสถามว่า นั่งอะไรไป ตนได้กราบทูลไปว่า เดินไป
จึงตรัสขึ้นว่าไม่เหมาะที่จ ะเดินไปอย่างนั้นหรอก
จงประดับพวงดอกไม้นี้แล้วขี ่ม้าไปเถิด ตรัสแล้วก็พระราชทาน
พวงดอกไม้ และม้าที่ฝึกแล้วให้ ต่อมาพระราชาเห็นว่าม้าก็ไม ่สมควร
จึงได้พระราชทานรถที่เทียมด ้วยม้าพันธุ์ดี
และไม่นานพระราชาก็คิดว่ารถ เทียมม้าก็ไม่สมควรอีก
จึงได้พระราชทานทรัพย์สินเง ินทองพร้อมทั้งเครื่องประดั บเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้นยังได้พระราชทานช ้างเชือกหนึ่งด้วย
ตนจึงนั่งบนคอช้าง ออกเที่ยวชักชวนคนทำบุญทำกุ ศลอยู่อย่างนี้สิ้นแปดหมื่น ปี
กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย กลิ่นอุบล ฟุ้งออกจากปากตลอดกาลมีประม าณเท่านี้”
หลังจากสันตติอำมาตย์กราบทู ลบุรพกรรมของตนแล้ว
ท่านก็ปรินิพพานบนอากาศนั่น เอง
........
วิธีการทำบุญที่สันตติอำมาต ย์ได้ชวนผู้อื่นทำนั้น
มีทั้งการให้ทาน รักษาศีล และฟังธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ
ไม่มีทรัพย์สินเงินทองก็สาม ารถทำได้
เพราะวิธีการทำบุญมีมากมายห ลายวิธี เราสามารถทำบุญด้วยการรักษา ศีล
ฟังธรรม และเจริญภาวนา เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ
เหล่านี้ล้วนแต่ให้อานิสงส์ มากมายยิ่งนักแก่ผู้ปฏิบัติ
ไม่ได้น้อยไปกว่าการทำบุญด้ วยวัตถุสิ่งของเลย
จะเห็นว่าสันตติอำมาตย์ได้ท ำบุญอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา นาน
แสดงให้เห็นถึงการมีจิตใจแน ่วแน่เด็ดเดี่ยวในการทำความ ดี
ดังนั้น หากเราคิดอยากจะได้บุญที่ยิ ่งใหญ่เช่นนี้
ก็จงแน่วแน่ในการสร้างความด ีต่างๆ อย่าท้อแท้หมดกำลังใจเมื่อม ีมารมาขัดขวาง
นอกจากนั้นจงใช้สถานการณ์ที ่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นปัจจัยใ นการเข้าถึงสัจธรรม
เพราะทุกอย่างที่อยู่รอบตัว สามารถเป็นบทเรียนให้เราได้
หากเรารู้จักใช้สติปัญญาพิจ ารณาอย่างจริงจัง
และน้อมเข้ามาเปรียบเทียบกั บตัวเอง และเมื่อเรามีปัญญาเห็นความ จริงแล้ว
ก็จงพยายามถ่ายทอดต่อไปยังค นอื่นๆ การชี้ทางให้แก่คนอื่น ก็เป็นบุญอันยิ่งใหญ่
เป็นธรรมทาน มีอานิสงส์มากมาย
ผู้ชักชวนก็ได้บุญ และทำให้เป็นผู้มีบริวารมาก
หากทำด้วยตัวเองด้วยก็ยิ่งจ
ดังเรื่องที่มีมาแต่ครั้งพุ
กาลครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิ
ไปปราบปรามโจรที่กำลังฮึกเห
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ท
มหาอำมาตย์ปราบโจรได้อย่างร
ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานทรัพย์สมบัติให
รวมทั้งหญิงสาวที่เก่งในการ
อำมาตย์ได้ดื่มเหล้าฉลองชัย
ในวันที่ เจ็ดเขาจัดแจงแต่งตัวด้วยอา
แล้วขี่ช้างตัวที่ดีที่สุดไ
เมื่อไปถึงก็เห็นพระศาสดากำ
เขาจึงผงกศีรษะถวายบังคมด้ว
ในขณะที่นั่งอยู่บนคอช้างนั
เมื่อพระศาสดาทรงเห็น จึงทรงแย้มพระโอษฐ์
พระอานนท์จึงทูลถามถึงสาเหต
พระพุทธองค์ตรัสว่า “อานนท์ เธอจงดูสันตติมหาอำมาตย์
วันนี้เขาประดับด้วยอาภรณ์อ
เขาจะบรรลุพระอรหัตเพียงเพร
และจะปรินิพพานในอากาศ”
บรรดาชาวบ้านที่ได้ฟังคำของ
บางพวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคิด
พระองค์ย่อมพูดสักแต่ปากเท่
จะได้ไปฟังเทศน์ฟังธรรมที่ไ
ส่วนพวกที่เป็นสัมมาทิฏฐิคิ
“น่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภ
ในวันนี้ เราทั้งหลาย จักได้ดูการเยื้องกรายของพร
และการเยื้องกรายของสันตติม
ฝ่ายมหาอำมาตย์หลังลงเล่นน้
จึงกลับไปสู่อุทยาน และไปนั่งในโรงดื่ม
ขณะที่หญิงสาวที่พระเจ้าปเส
ก็ขึ้นไปยืนอยู่ที่กลางเวที
แต่พอเริ่มจะแสดง นางก็กลับมีลมพิษเกิดขึ้นใน
ปากอ้า ตาเหลือก และในที่สุดก็ขาดใจตาย
สาเหตุเพราะกินอาหารน้อยมาต
เพื่อให้ร่างกายอ้อนแอ้นน่า
เมื่อมหาอำมาตย์รู้ว่านางตา
เขาก็เกิดความเศร้าโศกอย่าง
พิษของสุราที่ดื่มมาตลอด ๗ วัน ได้เสื่อมหายไป
เขาคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสา
เขาจึงไปขอเข้าเฝ้า พระศาสดาในตอนเย็นพร้อมกับบ
และกราบทูลถึงเหตุแห่งความโ
และเหตุที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้
ครั้นพระศาสดาได้ฟังเรื่องร
“ท่านมาหาเราผู้สามารถที่จะ
อันที่จริงน้ำตาที่ไหลออกขอ
มากกว่าน้ำของมหาสมุทรทั้ง ๔ ซะอีก” แล้วจึงตรัสพระคาถา ว่า
“กิเลสเครื่องกังวลใด มีอยู่ในกาลก่อน เธอจงยังกิเลสเครื่องกังวลน
ให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวล จงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง
ถ้าเธอจักไม่ยึดถือขันธ์ ในท่ามกลาง จักเป็นผู้สงบระงับเที่ยวไป
หลังจากพระองค์เทศน์จบ สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุพระ
แล้วพิจารณาดูอายุสังขารของ
จึงกราบทูลพระศาสดาว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทรงอนุญาตการปริ
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “สันตติมหาอำมาตย์ ถ้าอย่างนั้น
เธอจงเล่ากรรมที่เธอเคยทำไว
แต่ก่อนจะเล่า จงอย่ายืนบนพื้นดิน จงยืนบนอากาศชั่ว ๗ ลำตาล”
มหาอำมาตย์จึงถวายบังคมพระศ
จากนั้นก็ขึ้นไปสู่อากาศชั่
และขึ้นไปนั่งโดยบังลังก์บน
จึงเล่าบุรพกรรมของตนเองว่า
ในกัลป์ที่ ๙๑ แต่กัลป์นี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าว
ตนได้บังเกิดในตระกูลแห่งหน
อะไรหนอเป็นกรรมที่ไม่ทำการ
เมื่อใคร่ครวญอยู่อย่างนี้ จึงรู้ว่ากรรมคือ
การป่าวร้องบอกบุญ ชักชวนคนทำบุญ เป็นสิ่งที่ดี
จึงชักชวนชาวบ้านทำบุญ เที่ยวเชิญชวนชาวบ้านทำบุญส
อุโบสถศีลในวันอุโบสถ ถวายทาน
และฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัย
ผลของการชักชวนชาวบ้านบำเพ็
ดังที่เกิดขึ้นกับตน คือ พระราชาผู้ใหญ่ทรง พระนามว่า ‘พันธุมะ’
เป็นพระพุทธบิดา เมื่อได้ทรงสดับความดังนั้น
จึงรับสั่งให้เรียกตนมาเฝ้า
ได้เที่ยวประกาศคุณของพระรั
พระราชาได้ตรัสถามว่า นั่งอะไรไป ตนได้กราบทูลไปว่า เดินไป
จึงตรัสขึ้นว่าไม่เหมาะที่จ
จงประดับพวงดอกไม้นี้แล้วขี
พวงดอกไม้ และม้าที่ฝึกแล้วให้ ต่อมาพระราชาเห็นว่าม้าก็ไม
จึงได้พระราชทานรถที่เทียมด
และไม่นานพระราชาก็คิดว่ารถ
จึงได้พระราชทานทรัพย์สินเง
นอกจากนั้นยังได้พระราชทานช
ตนจึงนั่งบนคอช้าง ออกเที่ยวชักชวนคนทำบุญทำกุ
กลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกาย กลิ่นอุบล ฟุ้งออกจากปากตลอดกาลมีประม
หลังจากสันตติอำมาตย์กราบทู
ท่านก็ปรินิพพานบนอากาศนั่น
........
วิธีการทำบุญที่สันตติอำมาต
มีทั้งการให้ทาน รักษาศีล และฟังธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ
ไม่มีทรัพย์สินเงินทองก็สาม
เพราะวิธีการทำบุญมีมากมายห
ฟังธรรม และเจริญภาวนา เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่างๆ
เหล่านี้ล้วนแต่ให้อานิสงส์
ไม่ได้น้อยไปกว่าการทำบุญด้
จะเห็นว่าสันตติอำมาตย์ได้ท
แสดงให้เห็นถึงการมีจิตใจแน
ดังนั้น หากเราคิดอยากจะได้บุญที่ยิ
ก็จงแน่วแน่ในการสร้างความด
นอกจากนั้นจงใช้สถานการณ์ที
เพราะทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
หากเรารู้จักใช้สติปัญญาพิจ
และน้อมเข้ามาเปรียบเทียบกั
ก็จงพยายามถ่ายทอดต่อไปยังค
เป็นธรรมทาน มีอานิสงส์มากมาย
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 90 พ.ค. 51 โดย มาลาวชิโร)