10.5.13

เหตุมีประมาณเท่าไรหนอบุคคลชื่อว่าเป็นอุบาสก ?





สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของหมอชีวก
ใกล้พระนครราชฤห์
ครั้งนั้น หมอชีวกโกมารภัจจ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอบุคคลชื่อว่าเป็นอุบาสก ?

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
พ. ดูกรชีวก
เมื่อใดแลบุคคลถึงพระพุทธเจ้า ถึงพระธรรม ถึงพระสงฆ์
ว่าเป็นสรณะ ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แลชื่อว่าเป็นอุบาสก

ช. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร
อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้มีศีล ?

พ. ดูกรชีวก
เมื่อใดแล อุบาสกงดเว้นจากปาณาบิบาต (ไม่ฆ่าไม่ตัดชีวิต)
งดเว้นจากอทินนาทาน (ไม่ถือเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นไม่ได้ให้)
งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร (ไม่ประพฤติผิดในกาม)
งดเว้นจากมุสาวาท (ไม่กล่าวเท็จ ไม่โกหก)
งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้มีศีล ฯ

ช. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร
อุบาสกชื่อว่าปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน
ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ?

พ. ดูกรชีวก
เมื่อใดแล
อุบาสกถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา

ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศีล

ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ (การบริจาค การสละ การให้)
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยจาคะ

ตนเองเป็นผู้ใคร่เพื่อเห็นภิกษุ
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นในการเห็นภิกษุ

ตนเองเป็นผู้ใคร่เพื่อฟังสัทธรรม
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นในการฟังสัทธรรม

ตนเองเป็นผู้ทรงจำธรรมที่ตนเองฟังแล้ว
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นเพื่อการทรงจำธรรม

ตนเองเป็นผู้พิจารณาอรรถแห่งธรรมที่ตนฟังแล้ว
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นในการพิจารณาอรรถแห่งธรรม

ตนเองเป็นผู้รู้ทั่วถึงอรรถรู้ทั่วถึงธรรม
แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน
ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อื่น

ช. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ก็ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร
อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน
และเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ?

พ. ดูกรชีวก
เมื่อใดแล
อุบาสกเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาด้วยตนเอง
และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ๑

ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล
และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยศีล ๑

ตนเองเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ
และชักชวนผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยจาคะ ๑

ตนเองเป็นผู้ใคร่เพื่อเห็นภิกษุ
และชักชวนผู้อื่นในการเห็นภิกษุ ๑

ตนเองเป็นผู้ใคร่เพื่อฟังสัทธรรม
และชักชวนผู้อื่นในการฟังสัทธรรม ๑

ตนเองเป็นผู้ทรงจำธรรมที่ตนเองฟังแล้ว
และชักชวนผู้อื่นเพื่อการทรงจำธรรม ๑

ตนเองเป็นผู้พิจารณาอรรถแห่งธรรมที่ตนฟังแล้ว
และชักชวนผู้อื่นในการพิจารณาอรรถแห่งธรรม ๑

ตนเองรู้ทั่วถึงอรรถผู้ทั่วถึงธรรม
แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
และชักชวนผู้อื่นในการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑

ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล
อุบาสกชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน
และเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ฯ

****************************
จบ ชีวกสูตร

****************************
ที่มา -- Like & แชร์ ธรรมะแท้ๆจากพระพุทธองค์/fb.com

การให้อภัย