สำหรับผู้ครองเรือน ความยินดีในวิเวก
อาจจะเป็นแหล่งความสุขที่หายากหน่อยแต่อย่างน้อยที่สุดเราควรฝึกให้อยู่คนเดีย
เป็นนักปฏิบัติขาดเพื่อนแล้วเหงาหงอย ยังไม่ถือว่าเก่ง
ถ้ายินดีในการอยู่คนเดียวจะเป็นคนสุขง่ายข
ฉะนั้น ถ้ามีโอกาสไปปฏิบัติธรรมในวัดหรือศูนย์ปฏิ
ที่เราไม่รู้จักใคร ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี
หลวงพ่อชาเคยบอกว่า นั่งรับแขกอยู่ทั้งวัน
ท่านยังมีความรู้สึกว่าอยู่คนเดียว นี่คือ วิเวกขั้นสูง
ตรงกันข้ามกับคนที่อยู่คนเดียว แต่คิดถึงคนอื่นตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม วิเวกชนิดที่สำคัญ คือ จิตวิเวก
ซึ่งเป็นผลของการฝึกสมาธิภาวนาถึงขั้นที่จ
พระองค์ตรัสพรรณนาคุณของสมาธิแน่วแน่นี้ว่
จิตสงัดหรือวิเวกจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
ความวิเวกประเภทนี้มาพร้อมกับปีติและสุข
ผู้ยินดีในวิเวกในความหมายว่า สงัดจากอารมณ์
จึงมีความสุขอันประณีตหล่อเลี้ยงจิตอยู่อย
ความยินดีในการไม่พยาบาท
คือ ยินดีในเมตตานั้นเอง ผู้มีเมตตามีความสุข
เพราะความเร่าร้อนของอารมณ์ฝ่ายโทสะไม่มีช
ผู้ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่หงุดหงิดรำคาญไม่จับผิดคนอื่น
จะไม่มีความสุขได้อย่างไร
จิตใจที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตาไม่มีศัตรู เพราะไม่มองใครเป็นศัตรู
คนอื่นจะมองเราอย่างไรก็เรื่องของเขา
หากเราไม่มีคำว่าศัตรูอยู่ในใจ เราย่อมมีศัตรูไม่ได้
ไม่พยาบาทแล้วความกลัวและความระแวงในใจ ย่อมลดน้อยลงมาก
เพราะคนเรามักจะเอากิเลสตัวเองไปใส่คนอื่น
คนขี้โกรธมักจะเสียใจอยู่เรื่อยว่า คนรอบข้างกำลังโกรธเขา
ผู้มีเมตตาหวังดีต่อทุกคนรวมถึงตัวเอง
ไปไหนคนดีก็เอ็นดู ความเมตตาช่วยชำระจิตใจของมนุษย์
และยังสร้างบรรยากาศในครอบครัวและชุมชนให้
ผู้ยินดีในความไม่ปรุงแต่ง
คือ ผู้ยินดีในการดับทุกข์ หรือไม่มีทุกข์
ย่อมไม่ยินดีในกิเลสที่ทำให้การปฏิบัติเนิ
ไม่คิดสะสมอีกแล้ว ไม่หาความสุขกับความคิดอีกแล้ว
ยินดีในจิตใจที่ปลอดโปร่งด้วยสติ
ด้วยความรู้ตัว อยู่ในปัจจุบัน
ไม่ให้มีความรู้สึกว่าเรา ว่าของเรา เกิดขึ้นครอบงำใจ
มีความสุขกับการเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ในปัจจุบัน
ไม่ต้องการอะไร ไม่ห่วงใยอะไร
ทำให้สิ่งต่างๆ เย็นลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้มีความสุขมาก
และนำไปสู่ความสิ้นไปแห่งกิเลสในที่สุด
********************************
ที่มา---kanlayanatam.com
No comments:
Post a Comment