30.9.11

อารมณคือกระแสของจิต (คลื่นอารมณ์)



อารมณคือกระแสของจิต (คลื่นอารมณ์)

๑. " อารมณ์ก็คือกระแสของจิต พวกเจ้าต้องหมั่นศึกษาไว้ อารมณ์ราคะกับปฏิฆะ มีแยกไว้ละเอียดโดยพระพุทธเจ้าในจริต ๖ อารมณ์ใดๆ ที่เกิดแก่จิตย่อมหนีจริต ๖ ไม่พ้น เพราะมันคือ ธรรมารมณ์ ซึ่งนักปฏิบัติกรรมฐานต้องรอบรู้หมดทุกๆ อารมณ์ และ สามารถแยกได้ว่า อารมณ์ที่กำลังทรงอยู่นี้ เป็นจริตใดในจริต ๖ เป็นราคะ หรือ ปฏิฆะ ซึ่งมีกรรมฐานแก้จริตอยู่ ก็ให้ใช้ตามนั้นแก้จริตที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เอะอะจะใช้ อารมณ์สังขารุเบกขาญาณลูกเดียว "

๒. พวกเจ้ายังเข้าใจผิด ยังไม่ถึงเวลา เพราะจิตมันยังไม่ยอมเฉยจริง ยังมีอารมณ์อยู่ จึงยังใช้อารมณ์สังขารุเบกขาญาณไม่ได้ ตัองใช้จริต ๖ รบกันไปก่อน จนกระทั่งจิตทรงตัวดีแล้วจึงค่อยซ้อมอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ "

๓. " ตราบใดที่อารมณ์ยังไม่หมด จริต ๖ ยังเล่นงานอยู่ในจิต อาการตำหนิอารมณ์ก็ต้องเกิด เพราะไม่รู้เท่าทันจริตว่า พอใจหรือไม่พอใจ อย่าให้ความหลงของจิตเข้ามาครอบงำ การกระโดดเข้าสู่อารมณ์สังขารุเบกขาญาณลูกเดียว ก็มีหวังตกม้าตายลูกเดียว เพราะว่ามันวางเฉยไม่จริง จิตไม่มีกำลังที่จะวางเฉยตลอดไปได้ "

๔. " ระวัง...อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะต้องทำได้ ทุกอย่างมันไม่มีขั้นตอน อารมณ์ของจิตเรา ถ้าเราไม่รู้แล้วใครจะมารู้ได้ แยกจริต ๖ ให้ออกดูราคะและปฏิฆะให้ออก จึงจะรบกับมันได้ รบกับมันถูกข้าศึกรูปร่างหน้าตาอย่างไร ต้องรู้ รู้แม้กระทั่งการโจมตีวิธีรบของ ข้าศึกที่เข้ามาสิงใจเราอยู่นั้นเป็นอย่างไร ถ้ารู้ไม่จริงมีหวังถูกมันฆ่าตายทุกที  ถ้าอยากชนะก็ต้องชนะอย่างรู้เท่าทัน ไม่ใช่รู้กรรมฐานแก้จริต แต่ไม่รู้จักรูปร่างหน้าตาของจริต ๖ มีอย่างนี้ ราคะ-ปฏิฆะ มีอย่างนี้ รู้กรรมฐานแก้จริตแต่ไม่รู้รูปร่างหน้าตาของจริต ๖ ที่แท้จริงก็ป่วยการ   เปรียบเหมือนมีอาวุธอยู่ในมือ แต่ไม่รู้หน้าตารูปร่างของข้าศึกเป็นอย่างไร  มัวยืนเซ่ออยู่ ข้าศึกมาข้างหลังใช้ไม้ตีหัวก็อยู่หมัดแล้ว งงเห็นดาว ไม่รู้ว่าถูกตีได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องศึกษาจริต ๖ ให้ดีๆ เอากับมันจริงๆ ให้รู้จริงจึงจะวิมุติได้ "

No comments:

Post a Comment

การให้อภัย