23.6.12

การทำทาน



          การทำทาน ได้แก่การสละทรัพย์สิ่งของสมบัติของตนที่มีอยู่ให้แก่ผู้อื่น โดยมุ่งหวังจะจุนเจือให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ และความสุขด้วยความเมตตาจิตของตน ทานที่ไ้ด้ทำไปนั้นจะทำให้ผู้ทำทานได้บุญมาก หรือน้อยเพียงใด ย่อมสุดแล้วแต่องค์ประกอบ ๓ ประการ ถ้าประกอบหรือถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบ ๓ ประการต่อไปนี้แล้วทานนั้่นย่อมมีผลมาก ได้บุญบารมีมาก กล่าวคือ

องค์ประกอบข้อ ๑

วัตถุทานที่ให้ต้องบริสุทธิ์

วัตถุทานที่ให้ ได้แก่ สิ่งของทรัพย์สมบัติที่ตนได้สละให้เป็นทานนั้นเอง จะต้องเป็นของที่บริสุทธิ์ และจะต้องเป็นสิ่งของที่ตนได้แสวงหามาด้วยความบริสุทธิ์ในการประกอบอาชีพไม่ใช่ของที่ได้มาเพราะการเบียดเบียนผู้อื่น เช่น ได้มาโดยทุจริตลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฯลฯ

ตัวอย่าง ๑

         ได้มาโดยการเบียดเบียนชีวิตเลือดเนื้อสัตว์ เช่น ฆ่าสัตว์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปลา โค กระบือ สุกร โดยประสงค์จะนำเอาเลือดเนี้อของเขามาทำอาหารถวายพระเพื่อเอาบุญย่อมเป็นการสร้างบาปเอามาทำบุึญ วัตถุทาน คือ เนื้อสัตว์นั้นเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ แม้ทำบุญให้ทานไปก็ย่อมได้บุึญน้อยจนเกือบไม่ได้อะไรเลย ทั้งอาจจะได้บาปเสียอีกหากว่าทานด้วยจิตที่เศร้าหมอง แต่การได้เนื้อสัตว์มาโดยการซื้อหาจากผู้อื่นที่ฆ่าสัตว์นั้น โดยที่ตนมิได้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการฆ่าสัตว์ก็ดี หรือสัตว์นั้นตายเองก็ดี เนื้่อสัตว์นั้นย่อมเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ เมื่อนำมาทำทานย่อมได้บุญมาก พร้อมด้วยองค์ประกอบข้ออื่นๆด้วย

ตัวอย่าง ๒

        ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกงชิงทรัพย์ ปล้่นทรัพย์ รวมตลอดถึงการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงอันเป็นการได้ทรัีพย์มาในลักษณะไม่ชอบธรรม หรือโดยเจ้าของเดิมไม่เต็มใจให้ทรัพย์นั้นย่อมเป็นของไม่บริสุทธิ์ เป็นของร้อน แม้้จะผลิดอกออกผลมาเิพิ่มเติมดอกผลนั้นก็ย่อมเป็นของไม่บริสุทธิ์ด้วย นำเอาไปกินไปใช้ย่อมเกิดโทษเรียกว่า ''บริโภคโดยความเป็นหนี้'' แม้จะนำเอาไปทำบุึญ สร้่างโบสถ์ วิหาร ก็ไม่ทำให้ได้บุญแต่อย่างใด
 
       สมัยหนึ่งใน รัชกาลที่ ๓ มีหัวหน้าสำนักนางโลมชื่อว่า ์ยายแฟง  ได้เรียกเก็บเงินจากหญิงโสเภณีในสำนักของตนจากอัตราที่ได้มาครั้งหนึ่ง ๒๕ สตางค์สะสมเอาไว้เช่นนี้จนได้ประมาณ ๒.๐๐๐ บาท แล้วจึงจัดสร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งด้วยเงินนั้นทั้งหมด  เมื่อสร้างเสร็จแล้วแกก็ปลื้มปีตินำไปนมัสการถามหลวงพ่อโตวัดระฆังว่า การที่แกสร้างวัดด้วยเงินของแกทั้งหมดจะได้บุญบารมีอย่างไร หลวงพ่อโตตอบว่า ได้แค่ ๑ สลึง แกก็เสียใจ เหตุที่ได้บุญน้อยก็เพราะทรัพย์อันเป็นวัตถุทานที่ตนนำมาสร้างวัดอันเป็นพระวิหาทานนั้น เป็นของที่แสวงหาได้มาโดยไม่บริสุทธิเพราะเบียดเบียนมาจากเจ้าของที่ไม่้เต็มใจจะให้ฉะนั้น บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายทั้งหลายที่ซื้อถูก ๆ แต่ขายแพง ๆ จนเกินส่วยที่ควรจะได้ ผลกำไรที่ไำด้มาเพราะความโลภจัดจนเกินส่วนนั้น ย่อมเป็นสิ่งของที่ไม่บริสุทธิ์โดยนัยเดียวกัน
 
       วัตถุทานที่บริสุทธิ์เพราะการแสวงหาได้มาโดยชอบธรรมดังกล่าว ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นของดีหรือเลว ไม่จำกัดว่าเป็นของมากหรือน้อย    น้อยค่าหรือมีค่ามาก จะเป็นของดีเลวประณีต มากหรือน้อยไม่สำคัญ  ความสำคัญขึ้นอยู่กับเจตนาในการให้ทานนั้นตามลำพังทรัพย์และกำลังศรัทธาในการให้ทานนั้น ตามลำพังทรัพย์และกำลังศรัทธาที่ตนมีอยู่

องค์ประกอบข้อ ๒

เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์

       การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่นความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตนอันเป็นกิเลสหยาบ คือ ..โลภกิเลส.. และเพื่อนเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วยความเมตตาธรรมของตนอันเป็นบันไดก้าวแรกในการเจริญเมตตาพรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้นถ้าได้ให้ทานด้วยเจตนาดังกล่าวแล้ว เรียกว่าเจตนาในการทำทานบริสุทธิ์ แต่เจตนาที่ว่าบริสุทธิ์นั้น ถ้าจะบริสุทธิ์จริจะต้องสมบูรณ์พร้อมกัน ๓ ระยะคือ
 
    ๑. ระยะก่อนที่จะให้ทาน ก่อนทีจะให้ทานก็มีจิตโสมนัสร่าเริง เบิกบานยินดีัที่จะให้ทานเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทรัพย์สิ่งของของตน
 
     ๒. ระยะที่กำลังลงมือให้ทาน  ระยะที่กำลังลงมือทำทานอยู่นั้นเองก็ทำด้วยจิตโสมนัส ร่าเริงยินดีและเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น
 
     ๓. ระยะหลังจากที่ได้ให้ทานไปแล้ว  ครั้นเมื่อได้ให้ทานไปแล้วเสร็จ หลังจากนั้นก็ดีนานมาก็ดี เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้กระทำไปแล้วครั้งใด ก็มีจิตโสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีในทานนั้น ๆ
 
      เจตนาที่บริสุทธิ์ในการทำทานนั้น อยู่ที่จิตโสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีในทานที่ทำนั้นเป็นสำคัญ และเนื่องมาจากเมตตาจิตที่มุ่งสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นความทุกข์และให้ได้รับความสุขเพราะทานของตน นับว่าเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์เพราะเหตุดังกล่าวมาเป็นมาแล้วนี้ จะทำให้ยิ่ง ๆ บริสุทธิ์มากขึ้นไปอีก หากผู้นั้นได้ทำทานด้วยวิปัสสนาปัญญา กล่าวคือ ไม่ใช่ทำทานอย่างเดียว แต่ทำทานพร้อมกับมีวิปัสสนาปัญญาโดยใคร่ครวญถึงวัตถุทานที่ให้ทานนั้นว่า อันบรรดาทรัพย์ฺสิ่งของทั้งปวงที่ชาวโลกนิยมยกย่องหวงแหนเป็นสมบัติกันด้วยความโลภนั้น  แท้ที่จริงแล้วก็เป็นแต่เพียงวัตถุธาตุ

การให้อภัย